Sony Xperia ZL รุ่นน้องคู่แฝดของ Xperia Z รูปร่างหน้าตาคล้ายกัน แต่วัสดุแตกต่างกัน สเปกโดยรวมแทบไม่แตกต่างกัน Xperia ZL ตัดคุณสมบัติบางอย่างของ Xperia Z ออกไป อาทิ การกันฝุ่นกันน้ำ ตัวเครื่องหนาขึ้น แบตเตอรี่จุขึ้น (นิดนึง)
ในบางประเทศจะวางขายแค่ตัวใดตัวหนึ่ง ถ้าขาย Xperia Z จะไม่ขาย ZL ถ้าขาย ZL จะไม่ขาย Z แต่สำหรับในไทยวางขายทั้ง 2 รุ่นครับ ราคาของทั้งคู่ ณ เวลาที่ผมเขียนรีวิวคือ
- Xperia ZL 17,990 บาท (ลดจาก 18,990 บาท)
- Xperia Z 18,990 บาท (ลดจาก 20,990 บาท)
ทั้งคู่ราคาห่างกันแค่ 1,000 บาทเท่านั้น ตอนที่ราคาห่างกัน 2,000 บาทก็เลือกยากละ พอห่างกันแค่ 1,000 บาทก็มีทั้งในมุมที่เลือกง่ายขึ้น หรือเลือกไม่ถูกเลยก็มี
Xperia ZL จะมีแค่สองสีคือ สีดำและสีขาว มาพร้อมกับหน้าจอ HD Reality Display (TFT LCD) ขนาด 5 นิ้ว 441ppi ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล แสดงผลด้วยเทคโนโลยี Mobile BRAVIA Engine 2 ตัวนี้ไม่กันน้ำเหมือน Xperia Z นะครับ อย่าสับสันเชียว
กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ความแปลกคือกล้องหน้าอยู่ด้านล่างของหน้าจอ (มุมขวาล่าง) คุณภาพก็พอใช้ได้ จากที่ใช้มาหลายๆ รุ่น กล้องหน้าของโซนี่ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ให้พิกเซลมาเยอะ แต่คุณภาพไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อ้อ กล้องหน้าของตัวนี้ใช้เซ็นเซอร์กล้องที่มีเทคโนโลยี Exmor R แต่คุณภาพก็อย่งาที่บอกข้างต้น ยังไม่ประทับใจ น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้
จริงๆตัวนี้ก็มี LED Notification มาให้ ซึ่งจะอยู่ด้านบนของหน้าจอ สำหรับแจ้งเตือนสถานะต่างๆ ขนาดตัวเครื่องของอยู่ที่ 131.6 x 69.3 x 9.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 151 กรัม
รุ่นนี้จะไม่มีจุกฝาปิดช่องเชื่อมต่อต่างๆ เพราะไม่ใช่รุ่นกันน้ำ เรื่องงานประกอบมีให้ติอยู่นิดนึง ซึ่งผมจะพูดถึงต่อๆ ไปอีกที
ด้านล่างวัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนต ไม่ใช่กระจกแบบ Xperia Z ตัวผิวสัมผัสของด้านหลังจะขรุขระ ทำให้จับถนัดมือ กระชับมือ ไม่เกิดรอยนิ้วมือ ตัวกล้องมาพร้อมกับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์รับภาพ Sony Exmor RS for mobile CMOS พร้อม LED flash ถ่ายภาพวิดีโอแบบ Full HD 1080p มีฟังก์ชั่นสำหรับถ่ายภาพ HDR
ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีฝาปิดสำหรับเปิดเพื่อใส่ซิมการ์ดและ SD Card ตรงที่ผมจะติเรื่องงานประกอบก็คือตรงนี้ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบ อย่างแรกเลยคือโอกาสที่ฝาตรงนี้จะขาดเมื่อใช้ไปนานๆ มีโอกาสสูงแน่นอน อย่างที่สองคือมันไม่สวย
Sony Xperia ZL มาพร้อมกับ Android 4.1.2 (Jelly Bean) อินเตอร์เฟสยังคงคอนเซ็ปท์เดิม จึงได้เห็นว่าหน้าตาของอินเตอร์เฟสไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม
ถ้าใครเคยใช้มือถือ Xperia มาก่อนก็จะคุ้นเคยกับหน้าตาของอินเตอร์เฟสดี
Xperia ZL มี NFC มาให้ สามารถแชร์ไฟล์ผ่าน Android Beam กับ Android ที่มี NFC ได้ และมาพร้อมกับระบบเสียง xLOUD และระบบเสียง Claer Phase เรื่องการแสดงผลสามารถเปิด/ปิด Mobile BRAVIA Engine 2 นอกจากนั้นยังสามารถปรับค่าของสีหน้าจอได้ด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่พึ่งมีมาใน Xperia ZL ก็คือ โหมดประหยัดพลังงานที่ชื่อว่า STAMINA Mode แตกต่างจากโหมดประหยัดพลังงานบนมือถือทั่วไปคือ โดยทั่วไปเมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ทันทีที่เราพักหน้าจอ ฟังก์ชั่นจะทำงาน และตัดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และทุกแอพที่รันอยู่ แต่ STAMINA Mode สามารถเลือกเปิด-ปิดแอพพลิเคชั่นที่เราต้องการได้
ทดสอบประสิทธิภาพ
เปรียบเทียบภาพถ่ายตอนปิดแฟลช และเปิดแฟลช
ตัวอย่างวีดีโอ 1080p