mobiledista.com

รีวิว ZTE Axon มือถือสุดหรูกับความปลอดภัยชั้นยอด

ZTE_Axon_001

ZTE เปิดตัวมือถือเรือรุ่นใหม่ที่วางขายในไทย 3 รุ่น มีทั้งเรือธงและรุ่นกลางๆ ทั้ง 3 ได้แก่ ZTE Axon, ZTE Axon mini และ ZTE Axon premuim โดยมีตัวท็อปคือ ZTE Axon รุ่นนี้มาพร้อมกับความน่าสนใจหลายอย่าง อาทิ การเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลแบบไบโอเมตริก (Biometric) ถึง 3 แบบ ได้แก่ ระบบสแกนลายนิ้วมือ, ระบบ Smart voice (ยืนยันตัวตนด้วยเสียง) และ EyePrint ID (ตรวจสอบจากดวงตา) สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ตามต้องการ นับเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจที่ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ดูมีความปลอดภัยที่สุงกว่ารุ่นอื่นๆ

ZTE Axon วางขายในไทยไปตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา มีแค่สีเดียวคือสีทอง ตัวเครื่องทำด้วยโลหะ เพิ่มความน่าสนใจด้วยการทำฝาหลังให้ดูเหมือนหนัง (หนังเทียม) ทำให้สมารืทโฟนรุ่นนี้ดูหรูทั้งดีไซน์ งานประกอบ และสเปก

จุดเด่นของ ZTE AXON

ข้อมูลสเปก ZTE Axon

ZTE Axon มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Full HD ขนาด 5.5” พร้อมกระจกกันรอย Corning Anti-Bacterial Gorilla Glass รุ่นล่าสุดที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ถึง 99%

กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และครอบคลุมมุมกว้าง 84 องศาและวิดีโอความละเอียด 1080p HD

ช่องต่อ micro USB รองรับ Quick Charge 2.0 ในกล่องแถมอะเดปเตอร์และสายชาร์จที่รองรับ Quick Charge มาให้ ช่วยให้การชาร์จไฟทำได้เร็วขึ้นอย่างมาก การชาร์จนาน 10 นาทีสามารถรองรับการโทรได้ 160 นาที

ZTE Axon ยังเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อม dual-cam ที่สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K (หมายถึงตัวแรกที่เป็นกล้องคู่และถ่าย 4K ได้) กล้องหลังประกอบด้วยเลนส์ HD คู่ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และ 2 ล้านพิกเซล ให้ประสบการณ์การถ่ายภาพเทียบเท่ากล้อง DSLR รูรับแสง  f/1.8 ขยายได้ถึง f/1.0 ให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพแม้ในจุดที่มีแสงน้อย

อย่างที่บอกตอนแรกรุ่นนี้สามารถบันทึกวิดีโอ HD ความละเอียด 4K ที่ 30fps

วัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องเป็นวัสดุเกรดเดียวกับเครื่องบินโบอิ้ง 787 ซึ่งเป็นโลหะอลูมิเนียมผสมแมกนีเซียมอัลลอยที่ใช้ในธุรกิจอากาศยาน คุณสมบัติช่วยสร้างความแข็งแกร่ง (มากขึ้น 80%) และทำให้ตัวเครื่องเบาขึ้น (30%) ในขณะที่การใช้โลหะและหนังเทียมผสมผสานกันช่วยเพิ่มความหรูหราสง่างามอีกด้วย

รองรับ Hi-Fi (แบบ two-way) โดยใช้ระบบ digital playback และ recording ระดับพรีเมี่ยม พร้อม audio chipset แยกเป็นอิสระ แบตเตอรี่สุดทนทานความจุ 3000mAh

สำหรับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วจะอยู่ด้านหลังของตัวเครื่อง อยู่ถัดลงมาจากกล้อง

ซอฟท์แวร์บน ZTE Axon

ZTE Axon มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop พร้อมด้วยอินเตอร์เฟสที่ ZTE พัฒนาขึ้นมาเองไอคอนแอพโทนสีเทาเข็ม และสีทองดูหรูและแปลกตามาก ไอคอนแอพหลายๆ ตัวจะถูกออกแบบใหม่หมด ใช้งานแรกๆ อาจจะไม่ชินตา ต้องใช้ไปสักพักถึงจะคุ้นเคย เพราะตัวไอคอนแอพจะแตกต่างจากไอคอนแอพแอนดรอยด์ทั่วไป (จริงๆ ดูที่ไอคอนก็พอเดาออก) สำหรับแอพที่ติดตั้งใหม่จาก Play Store ไอคอนก็จะเป็นแบบที่นักพัฒนาออกแบบมาครับ

quick setting ใส่มาให้เยอะมาก ดูเกินความจำเป็นแต่เราสามารถเลือกเปิดและปิดการตัง้ค่าที่ไม่ต้องการไปได้

 

ZTE Axon มาพร้อมกับหน่วยความจำ 32GB ระบบใช้งานไป 10GB เหลือใช้งาน 21GB กว่าๆ หากใครใช้เยอะ โดยฌฉพาะคนชอบฟังเพลง ความจุแค่นี้อาจจะไม่พอสำหรับใช้งาน (Galaxy S6 ผมก็ 32GB ลงเพลงแล้วเหลือใช้งานนิดหน่อย สุดท้ายลบเพลงออก เพลงฟังผ่าน iPhone 6 เอา)

ZTE Axon รองรับ 2 ซิม ใช้งาน 3G ได้ทั้ง 2 ซิม รองรับ NFC เมนูตั้งค่ามีระบบค้นหา ช่วยให้เราสามารถค้าหาเมนูที่ต้องการตั้งค่าได้จากการค้นหาทันที ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเมนูหรือฟังก์ชั่นที่เราจะตั้งค่าอยู่ส่วนไหนของเมนู เพียงแต่เพียงคำที่ต้องการระบบจะค้นหาและแสดงผลให้ทันที

Mi-POP ฟังก์ชั่นสำหรับเปิดใช้งานปุ่มแตะบนหน้าจอ เหมาะสำหรับการใช้งานมือเดียว สามารถตั้งค่าปุ่มได้ตามต้องการ เมื่อเปิดใช้งานจะมีปุ่มลอยอยู่ในหน้าจอแบบภาพขวามือ

สามารถปุ่มปุ่มควบคุมได้ตามต้องการ ถนัดซ้าย หรือถนัดขวาก็สลับได้ตามใจชอบ นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่นเกสเจอร์ (สั่งงานโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ) ให้ใช้งาน มีให้ใช้งานหลายแบบอาทิโทรอัตโนมัติ, ตอบกลับอัตโนมัติ เป็นต้น

อย่างที่บอกตอนแรกว่า ZTE Axon เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลแบบไบโอเมตริก (Biometric) ถึง 3 แบบ ได้แก่ ระบบสแกนลายนิ้วมือ, ระบบ Smart voice (ยืนยันตัวตนด้วยเสียง) และ EyePrint ID (ตรวจสอบจากดวงตา) สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ตามต้องการ โดยสามารถเพิม่ลายมือได้สูงสุด 5 แบบ สามารถประยุกต์ใช้ในการปลุกตอนเช้า ต้องสแกนนิ้วก่อนเสียงร้องถึงจะหยุด หรือสแกนนิ้วกอนเข้าใช้งานแอพ

การเปิดใช้งานไม่ยาก หลักการเหมือนมือถือที่มีระบบสแกนนิ้วมือทั่วไป แค่วางมือแล้วสแกนตามขั้นตอนที่มือถือแนะนำจนเสร็จสิ้น

 

นอกจากนั้นยังมีการยืนยันตัวนอีก 2 แบบให้เลือกใช้งานคือ ระบบ Smart voice ทำให้เราสามารถใช้เสียงพูดของเราในการปลดล็อคหน้าจอ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย หากมีเสียงรบกวนก็จะปลดล็อคจากหน่อย ในแง่การใช้งานจริงอันนี้ดูจะใช้งานได้ยากที่สุด และอีกอันคือ EyePrint ID (ตรวจสอบจากดวงตา)

ในแง่ประสิทธิภาพของซอฟท์แวร์ไม่น่าห่วงครับ ที่ผ่านมาซอฟท์แวร์ของค่ายนี้ ถ้าเป็นสเปกแรงๆ จะไม่ค่อยหน่วงหรือกระตุก รุ่นนี้เองก็ยังคงเอกลักษ์ทั้งในแง่อินเตอร์เฟสและประสิทธิภาพการตอบสนองของซอฟท์แวร์ที่ทำได้อย่างลื่นไหล ไม่หน่วง ไม่ค้าง เปิดแอพ ปิดแอพทำได้อย่างรวดเร็ว จะติดปัญหาอยู่เรื่องเดียวที่พอเจอคือ บางเกมส์เล่นแล้วรู้สึกหน่วงๆ  (อาการหน่วงเจอแค่ตอนเล่นเกมส์)

ผมได้ลองกับเกม Mu Origin ถ้าเปิดฟังก์ชั่นแสดงผลผู้เล่นคนอื่นด้วย จะหน่วงมาก แต่ถ้าปิดให้แสดงผู้เล่นคนอื่นก็พอเล่นได้ แต่ยังหน่วงอยู่ อีกทีเล่นสักพัก เครื่องจะร้อนมาก

ตัวอย่างภาพจากกล้อง ZTE Axon

กล้องหน้า ZTE Axon

แกลอรี่ ZTE Axon

Exit mobile version