Galaxy J7 Version 2 มือถือแอนดรอยด์รุ่นใหม่จากค่ายซัมซุง ที่เราคงได้เห็นจากโฆษณากันมาบ้าง ด้วยคอนเซ็ปท์ “เซลฟี่เป็นหมื่น เมมยังเหลือ ด้วยความจุ 48GB” ด้วยคุณสมับติเด่นด้านการถ่ายภาพ อาทิกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9 ที่ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างขึ้นกว่าเดิมถึง 34% และยังมีโหมด Beauty Mode ช่วยปรับตาให้โต ผิวใส และหน้าเรียวได้
จริงๆ แล้วในบางประเทศจะได้ชื่อรุ่นว่า Galaxy J7 (2016) แต่ในไทย ทางซัมซุงเลือกใช้ชื่อ Galaxy J7 Version 2 แทน และใช้คำว่า Version 2 ใน Galaxy J5 (2016) ด้วย เจอหาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่างๆ ก็ให้เข้าใจว่ามันคือตัวเดียวกันครับ
Samsung Galaxy J7 Version 2
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล
- น้ำหนัก 170 กรัม
- ซีพียู octa-core 1.6 GHz
- รอม 16 GB
- แรม 3 GB
- รองรับ microSD สูงสุด 128 GB
- แบตเตอรี่ 3,300 mAh
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล มี LED แฟลช
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล มี LED แฟลช
- รองรับ NFC ,4G LTE
- สีขาว, ทอง และ ชมพู
- ระบบปฎิบัติการ Android 5.1 Lollipop
หน้าจอของรุ่นนี้ Super AMOLED คุณภาพเดียวกันกับที่ใช้ในมือถือเรือธงของค่ายนี้ แตกต่างแค่ความละเอียดหน้าจอ โดยรุ่นนี้หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720p (น่าจะเป็น Full HD) เท่านั้น ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้เหมาะมากสำหรับการดูหนัง เล่นเกมส์ หรือท่องเว็บไซต์อ่านข่าวสาร ถ้าเป็นความละเอียด Full HD จะลงตัวกว่านี้เยอะ
สเปกหน้าจอของ Galaxy J7 Version 2 ก็ไม่แตกต่างจากรุ่นปีที่แล้ว ทั้งชนิดหน้าจอ ขนาดหน้าจอ รวมถึงความละเอียดของหน้าจอ หากใครใช้รุ่นเดิมอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนครับ เพราะสเปกเดิมๆ ไม่แตกต่างกัน
ก้อลหน้าให้มา 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.9 ความพิเศษคือมีแฟลชกล้องหน้ามาให้ ช่วยให้การถ่ายรูปเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังมีไฟ LED สำหรับแจ้งเตือนต่างๆ อาทิ เวลาชาร์จแบต เวลามีข้อความ หรือสายเรียกเข้า
กล้องหน้ารองรับถ่ายวีดีโอความละเอียด 1080p มีฟังก์ชั่นหน้าเนียน สามารถปรับความเนียนได้ 8 ระดับ สามารถสั่งงานด้วยเสียง หรือทำแบมือในกล้องเพื่อสั่งงานให้กล้องถ่ายภาพได้
ปุ่มกดแบบสัมผัส 2 ปุ่ม คือปุ่มย้อนกลับ และปุ่ม Recent App สำหรับเรียกดูแอพล่าสุดที่เปิดใช้งาน สลับแอพไปมา หรือปิดแอพที่เปิดไว้ทั้งหมดได้ในการสัมผัสครั้งเดียว และปุ่ม 1 เอกลักษณ์ของซัมซุงอีก 1 ปุ่ม
ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟส ช่องต่อ micro USB 2.0 และช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม.
ด้านข้างหน้า 7.8 มม. หนาขึ้นจากเดิม 0.3 มม. น้ำหนักรวมแบตเตอรี่ 169 กรัม (เบากว่าเดิม 2 กรัม)
ด้านหลังตัวเครื่องขึ้นลวดลายให้ดูเหมือนโลหะ มีความเรียบ แต่หรูในตัว ฝาหลังสามารถแกะได้ กล้องหลังให้มาความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED ตัวกล้องจะนูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ฝั่งขวามือที่ขนานกับแฟลชคือลำโพงของตัวเครื่อง
เลือกปรับความละเอียดของภาพได้เองตามต้องการ ถ่ายวีดีโอความละเอียด 1080p มีโหมดถ่ายภาพมาให้หลากหลาย มีโหมดกล้องโปร สำหรับคนที่ต้องการภาพถ่ายที่ถูกเป็นมืออาชีพมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีโหมดถ่ายรูปต่างๆ ให้เลือกดาวน์โหลดได้ฟรี
งานประกอบของรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดูดี ดูแข็งแรง วัสดุดูดี ฝาหลังแกะไม่ยาก และใส่กลับก็ไม่ยาก แต่ต้องระมัดระวังในการแกะนิดนึง รุ่นนี้สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ รองรับการทำงาน 2 ซิม เวลาจะเปลี่ยนซิมต้องถอดแบตเตอรี่ก่อนทุกครั้ง ส่วนซิมใช้แบบ micro SIM ทั้งคู่ สามารถเพิ่ม microSD ได้
สำหรับแบตเตอรี่ในรุ่นใหม่เพิ่มมา 300 mAh เป็น 3300 mAh ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น และยังเพิ่มความสามารถด้านการรองรับ NFC เข้ามาด้วย
ภาพรอบตัวเครื่อง
ซอฟท์แวร์
Galaxy J7 Version 2 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 ตั้งแต่โรงงาน พร้อมด้วยอินเตอร์เฟส TouchWiz อันเป็นจุดเด่น และจุดขายของซัมซุง ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จากเวอร์ชั่นแรกๆ ที่มีอาการกระตุก แลค ปัจจุบันกลายเป็นจุดขาย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สาวกชื่นชอบ ทำงานได้อย่างลื่นไหล ตอบสนองการใช้งานได้ดีขึ้น ไม่มีอาการกระตุก หน่วงให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเมนู เปิดแอพ เปิดเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล
นอกจากอินเตอร์เฟสที่ทำงานอย่างลื่นไหลแล้ว แบตเตอรี่ของรุ่นนี้เองก็อึดใช้ได้เลย อึดกว่ามือถือซัมซุงหลายๆ รุ่นที่เคยใช้งาน ถือว่าการจัดการพลังงานของรุ่นนี้ทำได้ดีเยี่ยม
ฟังก์ชั่นห้ามรบกวน หรือ Do not disturb เป็นนึงในฟังก์ชั่นที่ผมชอบมาก มีในมือถือและแท็บเล็ตหลายรุ่น ซึ่งผมเองก็มักจะตั้งค่าเปิดใช้งานฟังก์ชั่นนี้ การจัดการเกี่ยวกับการแจ้งเตือนต่างๆ เช่นเวลา 4 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า ห้ามแจ้งเตือน ปิดเสียงทุกอย่าง รวมถึงเมื่อมีสายเข้าด้วย เราสามารถกำหนดช่วงเวลาได้เอง
Smart Manager แอพพลิเคชันสำหรับจัดการทรัพยากรในเครื่อง อาทิ แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (จัดการข้อมูลผู้ใช้งาน), จัดการแรมของเครื่อง และระบบป้องกันอุปกรณ์
ในรุ่นใหม่มีการอัพเกรดประสิทธิภาพขึ้นมานิดหน่อย โดยซีพียูยังคงเป็น Exynos เช่นเดิม แต่อัพเกรดเป็น Exynos 7870 ซึ่งเป็น Octa-core 1.6GHz แรมให้มา 2GB หน่วยความจำภายในให้มา 16GB และเพิ่ม microSD ได้อีก 128GB
จากที่ทดสอบเล่นเกมส์พบว่าทำได้อย่างน่าประทับใจ จอใหญ่ ให้สีสันของเกมส์สดกว่าจอทั่วไป แต่หน้าเสียดายที่หน้าจอความละเอียดน้อยไป
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
ภาพ HDR
ภาพจากกล้องหน้า
ตัวอย่างวีดีโอ
