Samsung Gear S Review: อุปกรณ์เสริมออกกำลังกาย

Gear-S

ซัมซุงเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่พยายามออกอุปกรณ์สวมใส่หรือ Wearable Device ออกมาต่อเนื่อง ซึ่งรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก หากเทียบกับ Samsung Gear S

ทำไม Samsung Gear S จึงแตกต่างกว่ารุ่นที่ผ่านมา ?

นั่นเป็นเพราะว่า Samsung Gear S เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับการดีไซน์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมพอสมควร กอปรกับการรองรับ data sim เพื่อมุ่งสู่การเป็น Wearable Device ที่สามารถคอนเน็ตสู่อินเทอร์เน็ตได้ ทำให้ Samsung Gear S กลายเป็นอุปกรณ์ที่ standalone ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

การออกแบบ

ผมค่อนข้างมึนงง (Stun) กับการออกแบบ Gear S ไม่น้อยครับ คือ รูปลักษณ์หน้าตามันดูชวนพิลึกว่า ตกลงแล้ว Gear S จะเป็นนาฬิกา หรือกำไล ด้วยการดีไซน์หน้าตาหน้าปัดที่ใหญ่บิ๊กเบิ้ม  จนน่าจะเรียกว่ามันเป็นกำไลได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่ในการดีไซน์ตรงนี้ทำให้เราเข้าใจได้ว่า ซัมซุงสามารถผลิตหน้าจอแบบโค้งได้ และนำมาอวดให้ได้เห็นใน Gear S นั่นเอง

เรื่องหน้าจอเราคงไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะซัมซุงค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องการผลิตหน้าจออยู่แล้ว ซึ่งหน้าจอ OLED ใน Gear S นี้ถือว่า คมชัดพอตัว  สีสันสวยงาม แถมมีดีที่ใช้งานได้ทั้งในเวลากลางวันและเวลากลางคืน

สายรัดข้อมือ ใน Gear S จะมาพร้อมกับสายยาง โดยรุ่นที่ผมสวมใส่อยู่นี้เป็นสีขาว ซึ่งการทำความสะอาดก็ไม่ยากครับ พวก ขัดออกได้สบาย เช่นเดียวกันถ้าหากสายสีขาวมันสกปรกง่ายไป ก็สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ อีกเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างโอเคก็คือ Gear S มาพร้อมกับมาตรฐาน IP67 ทำให้อย่างน้อยๆ มันกันละอองน้ำได้

อย่างไรก็ดีผมคิดว่า Gear S ในรุ่นที่ผมทดสอบ มีปัญหาในการดีไซน์อย่างหนึ่งซึ่งผมสัมผัสมันได้จาก Gear S ก็คือ การสวมใส่ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะตรงแป๊กเหมือนว่าจะทำร่องมาไม่ตรง ขณะเดียวกันผมก็ไม่มั่นใจว่า ด้วยขนาดหน้าปัดที่ใหญ่จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการเป็นรอยขีดข่วนจากการสวมใส่ที่เลินเล่อเป็นครั้งคราวหรือไม่

สเปก Gear S

  • ชิปดูอัลคอร์
  • หน้าจอ 2 นิ้ว 480×360 พิกเซล
  • หน่วยความจำ 4GB
  • แรม 512MB
  • แบตเตอรี 300 mAh
  • รองรับ gyroscope  มีเข็มทิศ S Health การเต้นหัวใจ และวัดรังสี UV
  • รองรับซิมการ์ด

Gear S ทำอะไรได้บ้าง ?

ติดตั้งแอปพลิเคชัน: 

Gear S สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มได้ครับ ผ่าน Gear Manager ซึ่งจะทำให้ความสามารถของ Gear S หลากหลายขึ้น แต่จะว่าไปแล้วแอปพลิเคชันใน Gear ค่อนข้างเฉพาะทางทำให้ความหลากหลายของ Gear S ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นความหลากหลายได้เต็มปาก เพราะยังไม่มีแอปดังๆ มาลงใน Gear S ให้ใช้งานสักเท่าไร ซึ่งหนึ่งในคำตอบก็คือ Gear S รันด้วย Tizen นั่นเอง

พิมพ์ได้: 

แม้ว่าจะถูกออกแบบมาให้สามารถพิมพ์ได้บนหน้าจอ แต่ผมคิดว่า หน้าจอที่มีขนาดเล็ก คงไม่อาจเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการพิมพ์เท่าไร จึงทำให้ฟังก์ชันการใช้งานนี้ไม่ค่อยจะคุ้มค่ามากนัก ขณะเดียวกัน Gear S มาพร้อมกับความสามารถในการสั่งการด้วยเสียง แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์มากนัก

ระบบสุขภาพ:

ผมคงต้องบอกก่อนนะครับว่า ระบบสุขภาพที่ว่านี้หมายรวมถึง S Health และ Nike Running จากการทดลองการใช้งานด้วย Gear S ผ่านการวิ่งบนถนน สิ่งที่ผมมีปัญหานิดหน่อย ตรงที่ว่าข้อมือของผมนั้น ค่อนข้างเล็ก ถ้าหากเป็นคนที่มีข้อมือค่อนข้างใหญ่ก็คงใส่วิ่งได้พอดิบพอดี ซึ่งผมคิดว่า พวกแอป S Health หรือ Running ใช้รวมกันกับพวกอุปกรณ์ Wearable Device ค่อนข้างดี เพราะมันสะดวกกว่าการเปิดแอปออกกำลังกายผ่านสมาร์ทโฟน 

Galaxy Gear S จำเป็นไหม ?

Gear-S--5

นอกเหนือจากการใช้งานด้านการออกกำลังกาย ผมแทบยังไม่เห็นความจำเป็นในการใช้งานสักเท่าไหร่ เพราะด้วยขีดการใช้งานของ Gear S ยังค่อนข้างจำกัด ทั้งจากแอปพลิเคชันและตัว Gear S เอง ซึ่งผมคิดว่า Gear S ยังคงไม่อาจไปเทียบกับนาฬิกาได้ ตรงนี้อาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่ยังไม่สวยเท่า แถมยังมีลักษณะหน้าจอ/หน้าปัดที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้ดูแล้วมันคล้ายกำไลมากกว่านาฬิกา และเมื่อนำมาเทียบกับนาฬิกาแล้ว ความสามารถของ Gear S ก็ยังไม่ฉีกหนีหรือมี Killing Feature ให้ชวนใช้งานมากนัก 

แบตเตอรี

ค่อนข้างน่าสนใจครับ แบตเตอรีของ Gear S จากการใช้งานในระยะประมาณหนึ่ง ผมคิดว่า มันค่อนข้างอึดในระดับที่น่าสนใจเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีผมคงต้องเน้นย้ำว่า การที่จะทำให้แบตเตอรีของ Gear S อึดได้นั้น เราจำเป็นต้องปิดการแจ้งเตือนบางอย่างออก ให้เหลือเฉพาะเท่าที่จำเป็นจะช่วยยืดการใช้งานได้จริงๆ เช่น ตัดการแจ้งเตือนของ LINE ออกเป็นต้น 

โดยภาพรวมแบตเตอรีของ Gear S จะอยู่ได้ราวๆ วันครึ่งเกือบๆ สองวัน ส่วนการชาร์จก็ใช้เวลาไม่นานนัก

บทสรุป Gear S

เราไม่อาจคาดเดาได้ว่า กระแส Wearable Device จะยังคงอยู่ได้อีกนานแค่ไหน แม้ว่าจะผ่านการใช้งานอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยมาหลายรุ่นแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามมากมายที่ถูกถาโถมเข้ามา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Wearable Device มีความจำเป็นต่อชีวิตยังไง ในเมื่อมันยังไม่ได้เข้ามาเพิ่มความสะดวกให้แก่ชีวิตชวนให้รู้สึกจำเป็นสักเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับการปฏิวัติจากฟีเจอร์โฟนสู่สมาร์ทโฟน 

ถึงกระนั้นถ้าพูดถึงเฉพาะในแง่ Gear S เท่านั้น ประโยชน์จริงๆ ของรุ่นนี้อยู่ที่การนำไปผนวกใช้กับการออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง การเดิน ซึ่งนำไปใช้ได้จริง นอกเหนือจากนี้แล้ว ตัว Gear S ยังรองรับการโทรเข้า-รับสาย เพราะตัวมันเองมีพื้นที่ให้เราใส่ซิมการ์ด ทำให้บางครั้งบางคราวอาจไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์ติดตัวออกจากบ้าน 

ส่วนข้อเสียของรุ่นนี้ ผมมองว่าอยู่ที่ขนาดที่ค่อนข้างใหญ่จนเกินพอดีทำให้การสวมใส่จะไม่ fit (พอดี) กับข้อมือของคนทุกประเภท ถ้าผู้สวมใส่เป็นคนที่มีข้อมือเล็กจะเกิดอาการหลวมโพรกให้เห็นทันทีครับ