Galaxy Core 2 Duos มือถือแอนดรอยด์ที่ต่อยอดจาก Galaxy Core ตัวแรก คงคอนเซปท์ 2 ซิม เล็กกระชับ จับถนัดมือ เจาะกลุ่มตลาดผู้เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟน หรือมองหามือถือเครื่องแรก ที่ประสิทธิภาพดี ใช้งานได้หลากหลาย และราคาไม่แพง
โดย Galaxy Core 2 Duos วางขายอยู่ที่ 6,590 บาท รอรับ 2 ซิม (Dual SIM, Dual Active) ใช้งานได้สองซิมสามารถรับสายพร้อมกันทั้งสองซิม มีให้เลือกทั้งสีขาวและสีดำ และยังมาพร้อมกับ Android 4.4 KitKat ตั้งแต่โรงงาน และหมดโอกาสไปเวอร์ชั่นต่อไปทันที (ปกติซัมซุงไม่ออกอัพเดทให้มือถือที่ราคาต่ำกว่าหมื่น)
สเปก Samsung Galaxy Core 2
- หน้าจอ TFT-LCD 4.5″ 480 x 800 px
- ซีพียู Quad-core 1.2 GHz
- แรม 768MB
- หน่วยความจำภายใน 4GB (เพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 64GB)
- กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล Auto focus LED แฟลช
- กล้องหน้า 0.3 MP
- ระบบ Android 4.4 KitKat
- รองรับ 3G 900 / 2100 MHz, 850 / 2100 MHz (แยกรุ่นขาย)
- รองรับการใช้งานสองซิมแบบ Dual active รับสายได้พร้อมกัน
- แบตเตอรี่ 2,000 mAh
สำรวจ Galaxy Core 2
Galaxy Core 2 มาพร้อมกับหน้าจอ TFT LCD ขนาด 4.5 นิ้ว ความละเอียด WVGA (800 x 480 พิกเซล) รุ่นนี้ให้กล้องหน้าความละเอียด 3 แสนพิกเซลมาให้
สำหรับรุ่นนี้ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ (Ambient light sensor) ถ้าต้องการจะปรับความสว่างหน้าจอให้เข้ากับสภาพแสงต้องเลื่อนแท็บความสว่างหน้าจอเอง และไม่มี Proximity sensor เซ็นเซอร์ปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา ส่วนปุ่มควบคุมเป็นแบบสัมผัส 2 ปุ่ม ได้แก่ Rent App และ Back ส่วนปุ่ม Home เป็นปุ่มแบบกดธรรมดา
ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องต่อ micro USB 2.0 และไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ด้านบนเป็นช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
ปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียง ด้านข้างหนา 9.8 มม. หนัก 138 กรัม ตัวเครื่องขนาดกำลังดี ไม่เล็กจนถือลำบาก และไม่ใหญ่เกินขนาดมือ พกพาง่าย ไม่เทอะทะ
ปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิดเครื่อง
ฝาของ Galaxy Core 2 หลังเป็นพลาสติก ขึ้นลายให้ดูออกมาเหมือนหนังแบบ Galaxy Note 3 แทนที่จะดูเหมือนหนังทั้งภายนอก และขณะสัมผัส กลับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม แทนที่จะดูสวยงาม หรู กลายเป็นว่าดูด้อยและให้ความรู้สึกเหมือนพลาสติกเกรดต่ำ ถ้าทำผิวเรียบ มันวาวแบบเดิมน่าจะดูหรูและให้ความรุ้สึกดีเวลาสัมผัสมากกว่านี้
แต่ฝาหลังยังมีขอดี คือจับแล้วไม่เลื่อน ไม่เกิดรอยนิ้วมือ และเกิดรอยขนแมวยาก ส่วนกล้องหลังให้มา 5 ล้านพิกเซล มีออโต้โฟกัส, แฟลช LED แต่ถ่ายวีดีโอได้แค่ 480p@30fps เท่านั้น
สามารถแกะฝาหลังได้ รุ่นนี้รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Dual stand-by) และรองรับ 3G คลื่น 900/2100 ทั้งสองซิมเป็นแบบ micro SIM ทั้งคู่ สามารถเพิ่ม microSD ได้ 64GB ส่วนแบตให้มา 2000 mAh
ซอฟท์แวร์บน Galaxy Core 2
Galaxy Core 2 มาพร้อมกับ Android 4.4.2 (KitKat) ตั้งแต่โรงงาน ตัวเครื่องรองรับการอ่านและพิมพ์ภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ มีระบบเมนูภาษาไทยมาให้ และสามารถเปลี่ยนกลับไปใช้เมนูภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ ได้ตามต้องการ
สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน Play Store มีฟังก์ชัน Wi-Fi hotspot สำหรับการแชร์อินเทอร์เน็ตผ่านทางสัญญาณ Wi-Fi และแชร์อินเตอร์ผ่านทาง USB (USB tethering)
แม้ว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Android 4.4.2 (KitKat) ในแง่การใช้งานยังมีอาการหน่วง และกระตุกมากพอสมควร ในที่นี้รวมถึงการเล่นเกมด้วย Galaxy Core 2 ใช้ซีพียู Quad-core 1.2 GHz ก็จริง แต่เป็นชิป Allwinner บางท่านอาจจะไม่คุ้นกับชิปตัวนี้ โดยมากแท็บเล็ตจีนจะใช้ชิปตัวนี้กันเยอะ ถ้าใครเคยใช้ Android TV จากจีนก็จะคุ้นกับชิปตัวนี้ดี
ด้วยคุณสมบัติของชิป Allwinner ทำให้สามารถตั้งคิด Android 4.4.2 KitKat แต่ก็ยังมีอาการกระตุกอยู่พอสมควร อีกทั้งรุ่นนี้ให้แรมมาแค่ 768 MB เลยทำให้การใช้งานจอบสนองไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าเ้ลือกรุ่นนี้ต้องทำใจเรื่องอาการหน่วงและกระตุกครับ หน่วงในที่นี้จะเจอบ่อยเวลาสลับเข้า/ออกแอพ และเปิดแอพใหม่ (หนักไปทางหน่วงมากกว่ากระตุก)
สำหรับ Galaxy Core 2 เป็นมือถือ 2ซิม ที่สามารถรับสายได้จากทั้งสองซิม แม้อีกซิมจะโทรอยู่ก็ตาม (ปกติแล้วมือถือ 2 ซิมหลายๆ หากโทรอยู่ อีกซิมจะโทรไม่ติด) นอกจากนั้นยังสามารถรับสายได้ในขณะที่อีกเครื่องใช้งาน 3G อยู่
ทดสอบประสิทธิภาพ