- สินค้าราคา 9 บาท บน JD Central ประจำวันนี้! คลิกเลย
- แจกคูปองส่วนลดซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ลดสูงสุด 1,000 บาท
- สมัครบัตรเครดิต KTC Mastercard รับฟรีโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 250 บาท
- Welcare หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ทรง 3D รุ่น WF-99 (1 กล่อง 50 ชิ้น)
- แจกฟรี! คูปองส่งฟรี Lazada กดรับได้ที่นี้
- มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์เสริม ลด 65% + คูปองลดเพิ่ม 10,000.-
วางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Xperia Z Ultra แฟบเล็ตตัวแรกจากค่ายโซนี่ มาพร้อมกับหน้าจอ 6.4 นิ้ว (ใหญ่กว่า Galaxy Mega 6.3 ของซัมซุงแค่ 0.1 นิ้วเท่านั้น) สำหรับใครที่กำลังสนใจรุ่นนี้อยู่ ในบทความนี้ผมจะมารีวิวและบรรยายความรู้สึกหลังจากได้สัมผัสเจ้า Z Ultra ให้ฟังกันครับ
ส่วนราคาของรุ่นนี้อยู่ที่ 21,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ขาวและดำ รุ่นที่ขายเป็นรุ่น 3G ไม่มี LTE มีให้เลือก มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะนำรุ่น 4G เข้ามาขายกับ Truemove H เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการจับมือกับ Truemove H นำ Xperia SP กับ Xperia Z รุ่น 4G เข้ามาขาย
ข้อมูลสเปกแบบละเอียดของ Xperia Z Ultra
สำรวจ Xperia Z Ultra
Xperia Z Ultra มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล ใช้เทคโนโลยีจอแสดงผล Triluminos ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้บนหน้าจอ LED TV ของโซนี่ โดยเทคโนโลยี Triluminos สามารถเพิ่มความงามให้กับภาพ เพราะสร้างเฉดสีได้กว้างกว่าจอทั่วไป บวกกับเทคโนโลยี Backlight ที่ขยายสีสันที่แตกต่างได้มากยิ่งขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ
เอาเข้าจริงๆแล้วหน้าจอของรุ่นนี้ดีกว่า Xepria Z ด้วยซ้ำ เพราะตัวนี้เป็น TFT LCD ทำให้มีมุมมองในการใช้งานแคบ
เรื่องหน้าจอยังไม่จบครับ Xperia Z Ultra ยังมาพร้อมกับเอนจิ้นที่ชื่อว่า X-Reality for mobile เดิมทีตัวเอนจิ้น X-Reality จะถูกใช้ในจอ LED และ LCD ของโซนี่ ได้นำมาใช้ใน Xperia Z Ultra ด้วย
โดย X-Reality for mobile จะช่วยวิเคราะห์และจัดการภาพให้มีสีและคอนทราสที่เหมาะสมต่อการใช้งานที่สุด และยังทำให้การดูภาพยนตร์ตั้งแต่ระดับ Full HD ไปจนถึงวิดีโอที่แสดงตามหน้าเว็บทั่วไป ได้ภาพที่ สะอาด ชัด และเหมือนมีชีวิตจริง และใช้ลด noise ของภาพได้
ถามว่า X-Reality กับ Mobile BRAVIA Engine 3 แตกต่างกันยังไง อันไหนดีกว่ากัน อันนี้ตอบยากครับ เอาเป็นว่า X-Reality จะให้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ ลดทอน noise ได้ดีกว่า ส่วน Mobile BRAVIA Engine 3 จะให้ภาพที่สดกว่า X-Reality
ขอบของตัวเครื่องก็มีการออกแบบมาลักษณะเดียวกันกับ Xperia Z ทางโซนี่เรียกว่า OmniBalance มีการออกแบบให้ขอบด้านข้างมีลักษณะโค้งมนอย่างละเอียด พื้นผิวสะท้อนเรียบ บางแค่ 6.5 มม. น้ำหนักอยู่ที่ 212 กรัม
Xperia Z Ultra ผ่านมาตรฐาน IPX58 กันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที ช่องเชื่อมต่อต่างๆ จะมีฝาปิดไว้เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่ตัวเครื่อง ตัวฝาปิดออกแบบมาอย่างลงตัว เข้ากับดีไซน์เครื่องพอดิบพอดี เป็นแฟบเล็ตกันน้ำที่ดูดีพอสมควร
Xperia Z Ultra สามารถเพิ่ม microSD ได้ ช่องสำหรับใส่ microSD และซิมการ์ดจะมีฝาปิดอยู่เช่นกัน แต่ช่องสำหรับเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. จะไม่มีจุกฝาปิดแบบรุ่นอื่น แต่ทางโซนี่บอกมาว่าน้ำไม่เข้าผ่านรูนี้อย่างแน่นอน
ตัวเครื่องของ Xperia Z Ultra ใช้กระจก Tempered Glass ทั้งหน้าและหลัง แบบเดียวกับ Xperia Z แต่กระจก Tempered Glass บนตัวนี้จะเป็นรุ่นใหม่ ที่แข็งแรงขึ้น พูดง่ายๆ คือมันเป็น Tempered Glass รุ่นใหม่ ที่ถูกเพิ่มประสิทธิภาพให้แข็งแรงขึ้น
กล้องหลังเป็น 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ Exmor RS ตัวนี้ไม่มีแฟลชครับ เท่าที่สอบถามเขาบอกว่ากลุ่มที่ต้องการมือถือหน้าจอใหญ่ขนาดนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการถ่ายภาพมากหนัก (ไม่รู้จริงหรือเปล่านะ) ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้รุ่นนี้ไม่มีแฟลช แต่มี NFC มาให้นะครับ
อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจมากๆ สำหรับเจ้า Xperia Z Ultra ก็คือหน้าจอสามารถใช้ดินสอธรรมดาๆ ที่เราใช้เขียนหนังสือ หรือวาดรูป เขียนที่หน้าจอได้เลย (ดินสอใสคาร์บอน) โดยที่ไม่ต้องพึงปากกา Stylus เลย
ซอฟท์แวร์บน Xperia Z Ultra
Xperia Z Ultra มาพร้อมกับ Android 4.2.2 (Jelly Bean) เรื่องอัพเกรดเป็น Android เวอร์ชั่นใหม่ สเปกรับนี้อัพได้แบบสบายๆ อีกทั้งค่ายโซนี่เป็นค่ายที่เรื่องอัพเกรดทำให้ตลอดแทบทุกรุ่น น้อยมากที่จะโดนลอยแพ
มี NFC มาให้ สามารถแชร์ไฟล์ผ่าน Android Beam กับ Android ที่มี NFC ได้ และมาพร้อมกับระบบเสียง xLOUD และระบบเสียง Claer Phase เรื่องการแสดงผลสามารถเปิด/ปิด X-Reality for mobile ได้
ด้วยสเปกความแรงระดับ quad-core และแรมขนาด 2GB การใช้งานจึงทำได้ลื่นไหล ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่สเปกระดับนี้จะลื่น ถ้าไม่ลื่นซิแปลก
มีมินิแอพไว้ให้ใช้งาน ซึ่งมีแอพพลิเคชั่นให้ใช้อาทิ เครื่องบันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข, สมุดโน๊ต
STAMINA Mode โหมดประหยัดพลังงานที่ถูกพัฒนาขึ้น เริ่มใช้ครั้งแรกที่ Xperia Z แตกต่างจากโหมดประหยัดพลังงานบนมือถือทั่วไปคือ โดยทั่วไปเมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ทันทีที่เราพักหน้าจอ ฟังก์ชั่นจะทำงาน และตัดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และทุกแอพที่รันอยู่
แต่ STAMINA Mode สามารถเลือกเปิด-ปิดแอพพลิเคชั่นที่เราต้องการได้
แบตเตอรี่ถือว่าอึดใช้ได้เลย อย่างภาพสุดท้ายขวามือ ผมเปิดดูบอลออนไลน์ผ่าน Wi-Fi ราวๆ 5 ชั่วโมง แบตยังเหลือ 13%
ทดสอบประสิทธิภาพ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Xperia Z Ultra
ตัวอย่างวีดีโอถ่ายใต้น้ำ
ตัวอย่างวีดีโอ
แกลอรี่ Xperia Z Ultra
กด Like เพจเพื่อติดตามข่าวสาร