หนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ซัมซุงส่งแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Galaxy Tab S หลังการใช้งานในระยะหนึ่ง ก่อนที่จะถึงช่วงของการรีวิว เลยขอพูดถึงประสบการณ์ใช้งานของรุ่นนี้มาฝากเป็นน้ำย่อยก่อนรีวิวฉบับเต็มครับ
การมาของแท็บเล็ตรุ่นนี้ของซัมซุงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นคู่แข่งโดยตรงกับแอปเปิล ด้วยการที่ซัมซุงเลือกเปิดออกมา 2 โมเดล นั่นคือ ขนาด 8.4 และ 10.5 ซึ่งเป็นขนาดที่มีความใกล้เคียงกับ iPad จากฟากฝั่งแอปเปิลอย่างมาก ทั้งจากดีขนาดและดีไซน์ตามที่บอกไป สเปกเครื่องที่เน้นความแรง ซึ่งถือว่ารุ่นนี้เป็นตัวแทนแอนดรอยด์แท็บเล็ตที่เอาไว้ชนกับ iPad mini และ iPad Air ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ผมรู้สึกว่า Galaxy Tab S มีความน่าสนใจสามด้านด้วยกัน
อย่างแรกที่รู้สึกดีอยู่ตรงที่จุดขายของรุ่นนี้เลยครับ นั่นคือ ความคมของจอ ยอมรับนะครับว่า Galaxy Tab S มีหน้าจอที่ถูกยกระดับให้ดีขึ้นกว่าเดิม ความคมระดับ SUPER AMOLED 2560×1600 พิกเซล ถือว่าสมราคาคุยตามที่ซัมซุงบอกเอาไว้ตอนเปิดตัว ความละเอียดค่อนข้างคมชัด รายละเอียดสีสันของภาพถือว่าครบ ยิ่งหากไฟล์ต้นฉบับเป็นไฟล์ที่มีความละเอียดคมชัด ภาพที่แสดงออกมาจะยิ่งแสดงคุณสมบัติของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
อย่างที่สอง เป็นเรื่องของดีไซน์ครับ รุ่นที่ผมได้รับมาเป็นรุ่น Dazzling White (ซึ่งมีอีกสีหนึ่งเรียกว่า Titanium Bronze) แม้ว่าการดีไซน์จะไม่ต่างจากการนำ Galaxy Note 3 ผสมรวมกับ Galaxy S5 สักเท่าไหร่ แต่ที่ผมรู้สึกโอเคคือ สีของ Galaxy Tab S ดูดีกว่าสีมาตรฐานที่มีมาให้เลือกในรุ่น Galaxy S5
ส่วนเรื่องความบางของแท็บเล็ต ตรงนี้ต้องบอกว่าตัวเครื่องบางเฉียบจริงๆ ด้วยขนาดความหนาเพียงแค่ 6.6 มิล ทำให้ง่ายต่อการพกพาเลยทีเดียว
ปัญหาที่พบเจอนิดหน่อย ระหว่างการทดสอบ Galaxy Tabs คงเป็นเรื่องการจัดวางปุ่ม Back และปุ่ม Recent เวลาเมื่อใช้งานในลักษณะแนวนอน เพราะคนที่มีนิ้วโป้งค่อนข้างใหญ่ จะมีโอกาสที่นิ้วจะไปสัมผัสโดนปุ่มได้ง่าย ทำให้การใช้งานเกิดอาการสะดุด
เมื่อพูดถึงการใช้งานแล้ว ต้องยอมรับครับว่า Galaxy Tab S มีน้ำหนักที่เบาเพียง 285 กรัม ทำให้การถือการใช้งานในหลายลักษณะจึงค่อนข้างคล่องตัว ทั้งในรูปแบบแนวตั้ง หรือแนวนอน จนไม่ทำให้เกิดอาการมือล้า
ถ้าหากว่า ระหว่างการใช้งานมือไม่ล้าเลย แล้วทีนี้เรื่องแบตเตอรีล่ะว่าอย่างไรบ้าง ?
เท่าที่ได้ลองใช้งานมาทั้งแบบหนักหน่วง และเบาหวิวรู้สึกว่า แบตเตอรีอึดดีนะครับ สามารถสแตนด์บายได้นานหลายวันเลยทีเดียวสำหรับการใช้งานในลักษณะเชื่อมต่อไวไฟ แต่ถ้าใช้งานอย่างต่อเนื่องคงได้เกือบๆ 10 ชั่วโมง หากเป็นการใช้งานผ่าน 3G จะลดหลั่นความอึดลงไปราวๆ 2-3 ชั่วโมง
แต่ถ้าหากรู้สึกว่า ต้องการเซฟความปลอดภัยของแบตเตอรีให้ใช้งานได้นานขึ้น Galaxy Tab S ก็ยังมีความสามารถเด่นประจำตัวที่ติดตามาจาก Galaxy S5 อย่าง Ultra Power-Saving ให้มาเช่นกัน ถึงกระนั้นการเปิดโหมดนี้ก็ไม่ได้เป็นเครื่องหมายการันตีว่า แบตจะอยู่ได้นาน อึด ถึก ต่อเนื่อง เพราะตัวแอปที่ Preset มาให้หลายตัว จัดเป็นแอปกินแบตอยู่ดีครับ
ภาพรวม
สำหรับแท็บเล็ตรุ่นใหม่ของซัมซุงอย่าง Galaxy Tab S ยอมรับครับว่า เป็นหนึ่งในแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะด้วยตัวอย่างจุดเด่นที่บอกไปข้างต้นว่า จอสวย แบตอึด ตัวเครื่องบางและเบา สเปกแรง ทำให้การใช้งานรุ่นนี้ค่อนข้างสนุก
ปัญหาที่พบจากการใช้งานก็ยังมีอยู่บ้าง เช่นเรื่อง UX (User Experience) หรือในด้านการจัดวางปุ่มที่ทำให้อรรถรสในการใช้งานหลายครั้ง หลายคราวต้องสะดุดลงไป
นอกจากนี้แอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย Flipboard อย่าง My Magazine ก็ยังไม่ค่อยถูกใจผมสักเท่าไหร่ ซึ่งสามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้ที่ทริคที่ผมเคยเขียนไว้ วิธีปิดการใช้งาน My Magazine
ถือว่า Galaxy Tab S เป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจประจำครึ่งปีหลัง