[PR] ซิสโก้เผย “ผลสำรวจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบของไอทีต่อธุรกิจ”

24-07-2013_ImpactSurvey_infographic_2013

ขณะที่องค์กรธุรกิจติดตั้งแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมสร้างประสบการณ์การใช้งานในการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ๆเพื่อปรับปรุงการให้บริการแก่ลูกค้า ฝ่ายไอทีก็ต้องรับมือกับปัญหาท้าทายในการขยายบริการเน็ตเวิร์ค และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เน็ตเวิร์คเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของธุรกิจ จากผลการศึกษาทั่วโลกที่ซิสโก้เปิดเผยในวันนี้ พบว่าบุคลากรไอทีส่วนใหญ่ (63 เปอร์เซ็นต์) มั่นใจว่าตนเองสามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างเหมาะสม แต่เกือบหนึ่งในสาม (27 เปอร์เซ็นต์) ยอมรับว่ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน

ผลการสำรวจเกี่ยวกับผลกระทบทางด้านไอทีทั่วโลกของซิสโก้ (Cisco Global IT Impact Survey) ประจำปี 2556 มีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินบทบาทการลงทุนด้านเน็ตเวิร์คเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ พร้อมทั้งประเมินว่าการลงทุนด้านเน็ตเวิร์คในปัจจุบันสามารถก้าวทันความต้องการของธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด รวมถึงแนวโน้มที่ฝ่ายไอทีจะปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการปรับปรุงธุรกิจได้มากขึ้นอย่างไร

ผลการศึกษาที่สำคัญมีดังนี้:

  • แอพพลิเคชั่นและความคาดหวังของผู้ใช้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเกือบสามในสี่ของบุคลากรฝ่ายไอที (71 เปอร์เซ็นต์) รายงานว่า ปัจจุบันฝ่ายไอทีติดตั้งแอพพลิเคชั่นมากกว่าเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว
  • เป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นว่าระบบไอทีและเน็ตเวิร์คคือเครื่องมือรองรับการดำเนินธุรกิจ ผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าเน็ตเวิร์คมีความสำคัญต่อการนำเสนอแอพพลิเคชั่นมากกว่าเมื่อหนึ่งปีที่แล้วมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น (78 เปอร์เซ็นต์)
  • การปรับระบบไอทีให้สอดคล้องกับธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ฝ่ายไอทีไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเสมอไป โดยผู้บริหารฝ่ายไอทีเกือบเก้าในสิบคน (89 เปอร์เซ็นต์) ทำงานร่วมกับผู้บริหารในสายงานธุรกิจอย่างน้อยเดือนละครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าส่วนงานธุรกิจมีความเข้าใจเกี่ยวบทบาทที่สำคัญมากขึ้นของเน็ตเวิร์คสำหรับการนำเสนอแอพพลิเคชั่น อย่างไรก็ตาม กว่าหนึ่งในสาม (38 เปอร์เซ็นต์) ของบุคลากรฝ่ายไอทีที่ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองมีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผนและติดตั้งในขั้นตอนที่ล่าช้าเกินไป

นอกเหนือจากประเด็นอื่นๆ แล้ว การสำรวจผลกระทบทางด้านไอทีทั่วโลกของซิสโก้ยังตรวจสอบความรู้สึกของฝ่ายไอทีต่อแนวโน้มใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบเน็ตเวิร์คที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (Software Defined Networking – SDN) และเน็ตเวิร์คอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน (Internet of Things) จากผลการสำรวจ พบว่าหนึ่งในสาม (34 เปอร์เซ็นต์) คิดว่าระบบเน็ตเวิร์ค SDN เป็นเรื่องเหลือเชื่อเหมือนกับบิ๊กฟุต เอลวิส หรือสัตว์ประหลาดล็อคเนส ขณะที่ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง (42 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าตนเองแทบไม่เคยได้ยินเรื่อง Internet of Things

รายละเอียดของผลการศึกษา

ผู้บริหารฝ่ายไอทีและธุรกิจทำงานสอดคล้องกันมากขึ้น แต่ยังมีบางส่วนที่ต้องปรับปรุง

  • เมื่อขอให้เปรียบเทียบว่าฝ่ายไอทีมีลักษณะหรือเหมือนกับอะไร 36 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารในสายงานธุรกิจมองว่าฝ่ายไอทีมีบทบาทเป็น “ผู้คิดค้นนวัตกรรม” 34 เปอร์เซ็นต์มองว่าฝ่ายไอทีเป็น “นักประพันธ์เพลง” ขณะที่ 15 เปอร์เซ็นต์มองว่าฝ่ายไอทีเป็น “เจ้าหน้าที่ดับเพลิง” 7 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าเป็น “ผี” และอีก 7 เปอร์เซ็นต์มองฝ่ายไอทีว่าเป็น “หมอดู”
  • ถึงแม้ข้อมูลจากการสำรวจจะระบุว่า ผู้บริหารฝ่ายไอทีส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนเองทำงานในลักษณะที่สอดคล้องกับแนวทางธุรกิจอย่างใกล้ชิด แต่ยังคงมีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจโดยที่ผู้บริหารฝ่ายไอทีไม่ทราบ และผู้บริหารฝ่ายไอทีกว่าสามในสี่คน (76 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่า ผู้บริหารในสายงานธุรกิจและทีมงานฝ่ายอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ฝ่ายไอที) ติดตั้งแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ โดยที่ฝ่ายไอทีไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม “ทุกครั้ง” หรือ “บางครั้ง”
  • นอกจากนั้น กว่าหนึ่งในสาม (38 เปอร์เซ็นต์) ของบุคลากรฝ่ายไอทีที่ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผนและปรับใช้ “ช่วงการเริ่มต้นใช้งาน” หรือ “หนึ่งวันก่อนหน้าที่จะเริ่มต้นใช้งานจริง” ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าส่วนงานธุรกิจดำเนินโครงการริเริ่มใหม่ๆ โดยไม่ได้ปรึกษาฝ่ายไอที ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเน็ตเวิร์คในการรองรับแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ
  • ผู้บริหารฝ่ายไอทีได้อธิบายเกี่ยวกับทัศนคติของตนเองต่อการของบประมาณในการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานเน็ตเวิร์คจากผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ โดย 18 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าตนเองยินดีที่จะ “แหกคุกหรือฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเข้าแข่งขันไตรกรีฑา” มากกว่าที่จะร้องของบประมาณเพิ่มเติม
  • เมื่อฝ่ายไอทีถูกถามว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าตนเองทำงานได้ดีแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามหนึ่งในสี่คน (26 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่า ดูจากการที่ “ไม่มีใครโทรติดต่อเรา” และเกือบหนึ่งในสี่ (23 เปอร์เซ็นต์) เลือกคำตอบที่ว่า “มีโอกาสได้นอนหลับอยู่ที่บ้านแทนที่จะต้องค้างคืนที่ออฟฟิศ”

โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ กำลังท้าทายความพร้อมของระบบเน็ตเวิร์ค

  • แม้ว่าส่วนงานธุรกิจมีความเข้าใจเกี่ยวบทบาทที่สำคัญมากขึ้นของเน็ตเวิร์คในการนำเสนอแอพพลิเคชั่น 82 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าแอพพลิเคชั่นมาตรฐานทางธุรกิจได้รับผลกระทบจากประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์ค แม้กระทั่งในแอพพลิเคชั่นพื้นฐาน เช่น เว็บ บริการไฟล์ และอีเมล
  • เมื่อสอบถามถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการเริ่มต้นใช้งานแอพพลิเคชั่นใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นเพราะงบประมาณ (34 เปอร์เซ็นต์) ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 26 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ ความพร้อมของระบบคลาวด์ และข้อจำกัดของเน็ตเวิร์ค เช่น แบนด์วิธ หนึ่งในสี่ (25 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่า “ความล่าช้าโดยทั่วไป” คือสาเหตุหลัก
  • 71 เปอร์เซ็นต์มีแผนที่จะปรับใช้โซลูชั่น SDN ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยหนึ่งในสาม (33 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าเหตุผลหลักก็คือ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะที่อีกหนึ่งในสาม (33 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่า เพื่อให้สามารถปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว
  • เมื่อขอให้ประเมินความพร้อมสำหรับแอพพลิเคชั่นและการปรับใช้เทคโนโลยี Internet of Things เกือบครึ่งหนึ่ง (48 เปอร์เซ็นต์) เชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยขยายโอกาสใหม่ๆ ทางด้านธุรกิจ
  • อีกประเด็นหนึ่งที่สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเน็ตเวิร์คคลาวด์ทั่วโลกของซิสโก้ประจำปี 2555 ก็คือ ประเด็นเรื่องความปลอดภัย ซึ่งถูกระบุว่าเป็นอุปสรรคสำคัญอันดับ 1 ที่ขัดขวางความสำเร็จในการปรับใช้บริการคลาวด์หรือโมบิลิตี้ โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 80 เปอร์เซ็นต์ระบุว่านี่คือปัญหาท้าทายที่สำคัญเช่นกัน
  • เกือบสามในสี่ (71 เปอร์เซ็นต์) รายงานว่า ฝ่ายไอทีติดตั้งแอพพลิเคชั่นมากกว่าเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว แต่ 41 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าเน็ตเวิร์คของตนยังไม่พร้อมที่จะรองรับนโยบาย “การนำเอาอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในที่ทำงาน (Bring Your Own Device – BYOD)” ขณะที่ 38 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าตนเองยังไม่พร้อมที่จะรองรับระบบคลาวด์
  • ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า “ความพร้อมสำหรับระบบคลาวด์” (29 เปอร์เซ็นต์) เป็นโครงการริเริ่มทางด้านเน็ตเวิร์คที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรของตนในช่วงปีหน้า ตามมาด้วย “การผสานรวมเทคโนโลยีด้านไอทีและเทคโนโลยีด้านการปฏิบัติงาน” (28 เปอร์เซ็นต์) และ “การผนวกรวม/การทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์” (27 เปอร์เซ็นต์)
  • เมื่อขอให้จัดอันดับโครงการริเริ่มทางด้านไอทีที่ยากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา อันดับหนึ่งคือ การย้ายแอพพลิเคชั่นไปยังระบบคลาวด์ (40 เปอร์เซ็นต์) และอันดับที่สองคือ การทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ (38 เปอร์เซ็นต์)  ข้อมูลนี้สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเน็ตเวิร์คคลาวด์ทั่วโลกของซิสโก้ (Cisco Global Cloud Networking Survey) ประจำปี 2555 ซึ่งพบว่าบุคลากรฝ่ายไอทีบางคนเลือกที่จะยอมถอนฟัน หรือทำรายการภาษีด้วยตนเอง แทนที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องระบบเน็ตเวิร์คที่เกี่ยวเนื่องกับการปรับใช้ระบบคลาวด์

คำกล่าวสนับสนุน

นาย ร็อบ โซเดอร์เบรี่ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์คระดับองค์กรของซิสโก้ กล่าวว่า “เทคโนโลยีไอทีมีก่อให้เกิดผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อธุรกิจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงการมีโอกาสในการทำหน้าที่เป็นพันธมิตรรายสำคัญ ด้วยการสร้างสถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์คที่สามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีที่หลากหลาย บุคลากรฝ่ายไอทีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือผู้ที่รับทราบว่าการตัดสินใจที่รวดเร็วภายในองค์กรขึ้นอยู่กับความพร้อมของเน็ตเวิร์ค”

ภาพรวม

  • การสำรวจผลกระทบทางด้านไอทีทั่วโลกของซิสโก้ (Cisco Global IT Impact Survey) มีผู้บริหารฝ่ายไอทีร่วมตอบแบบสอบถามกว่า 1,300 คนจาก 13 ประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินบุคลากรฝ่ายไอทีต่อการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งวัดระดับความเกี่ยวข้องระหว่างเน็ตเวิร์คกับธุรกิจ
  • การสำรวจความคิดเห็นนี้ได้รับการมอบหมายจากซิสโก้ และได้รับการเผยแพร่โดย Insight Express ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้ผู้บริหารองค์กรธุรกิจและฝ่ายไอทีมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับปัญหาท้าทายของธุรกิจแนวใหม่และสมาร์ทบิสสิเนส
  • ประเทศที่เข้าร่วมการสำรวจความคิดเห็นในครั้งนี้ ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
  • ผลการสำรวจความคิดเห็นฉบับสมบูรณ์มีอยู่ที่ www.cisco.com/go/impactsurvey

การเปิดเผยผลการสำรวจแก่สาธารณชนที่งาน Interop Las Vegas

ผลการสำรวจความคิดเห็นนี้ได้รับการเปิดเผยที่งาน Interop Las Vegas 2556 ระหว่างที่ ร็อบ โซเดอร์เบรี่ กล่าวปราศรัยในเวลา 8:30 น. ตามเวลาฝั่งแปซิฟิก ซึ่งสามารถรับชมทางออนไลน์ได้ที่ www.interop.com/live  ทั้งนี้ ร็อบ โซเดอร์เบรี่ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์คระดับองค์กรของซิสโก้ จะสาธิตให้เห็นว่าเทคโนโลยีเน็ตเวิร์ครองรับการปฏิรูปธุรกิจด้วยการเชื่อมต่อบุคคลและวัตถุสิ่งของที่ยังไม่ได้รับการเชื่อมต่อ พร้อมทั้งปรับปรุงการเชื่อมต่อให้ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เปิดกว้าง ปรับเปลี่ยนตามบริบท ตั้งค่าได้ และมีความคล่องตัวสูง  นอกจากนี้ โซเดอร์เบรี่ จะแสดงตัวอย่างเกี่ยวกับวิธีที่ฝ่ายไอทีสามารถรองรับทิศทางของธุรกิจ โดยใช้เน็ตเวิร์คเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงทุกสิ่ง ซึ่งนับเป็นรากฐานที่จะช่วยให้ผู้บริหารในสายงานไอทีและธุรกิจได้ค้นพบโอกาสอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทรัพยากรสนับสนุน