Lazada

[PR] 7 เทรนด์การตลาดออนไลน์ปี 2014 แรงแน่!

เธ—เธฃเธ‡เธขเธจ เธ„เธฑเธ™เธ˜เธกเธฒเธ™เธ™เธ—เนŒ

ในปีที่ผ่านมา การก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและการเปิดตัวเครือข่าย 3G ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อแวดวงธุรกิจในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงวงการโฆษณาในประเทศไทย ที่เราจะได้ยินคำว่า “การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)” กันมากขึ้น และมีโอกาสได้เห็นแคมเปญโฆษณารูปแบบใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว และตรงจุดมากขึ้น

แล้วในปี 2014 นี้ละ…รูปแบบการตลาดออนไลน์จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน อะไรเป็นสิ่งที่นักการตลาดยุคใหม่ควรหันมาให้ความสนใจและนำไปปรับใช้กับธุรกิจเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม

1.) โดเมนเนมนามสกุลใหม่กำลังจะมา ผู้บริโภคจะเข้าถึงเว็บไซต์ได้ตรงความต้องการมากขึ้น – ปัจจุบันคนไทยนิยมจดโดเมนเนมเป็น .com หรือ .co.th แต่ในปัจจุบันองค์กร ICAAN ได้มีการเสนอทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการทำเว็บไซต์สามารถเลือกจดโดเมนเนมนามสกุลใหม่ หรือ New Top Level Domains ได้ตามวัตถุประสงค์หรือลักษณะธุรกิจที่หลากหลายโดยตั้งแต่ปี 2014 นี้เป็นต้นไป จะมีการเปิดให้บริการโดเมนเนมนามสกุลใหม่ๆ อีกมากกว่า 1,000 นามสกุล

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการให้บริการ ก็สามารถจดทะเบียนเป็น .Design .Insurance .Service .Consulting หรือหากทำเว็บไซต์ช็อปปิ้ง ก็สามารถจดทะเบียนเป็น .Shop .Sale .Free .Buy .Camera ได้เลย ซึ่งข้อดีของการจดโดเมนรูปแบบใหม่นี้ จะช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าได้ง่ายและตรงจุดมากขึ้น รวมทั้งจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เว็บติดอันดับใน Search Engine ได้ดีขึ้น จากคีย์เวิร์ดที่อยู่ในชื่อโดเมนเนม เช่น ซื้อกล้องถ่ายรูป ก็พิมพ์ ‘digital camera’ เว็บไซต์ที่จดโดเมนด้วย .camera จะมีโอกาสติดอันดับที่ดีขึ้นใน Search Engine

2.) ผลลัพท์จากการค้นหาบน Google จะมีสีสันมากขึ้น – ในปี 2014 นี้ การแสดงผลการค้นหาข้อมูลต่างๆ บน Search Engine อย่าง “Google” จะไม่ได้มีแค่ชื่อเว็บไซต์ คำอธิบาย และลิงค์เป็นตัวอักษรอีกต่อไป แต่จะเริ่มมีการนำเสนอผลลัพธ์การค้นหาด้วยรูปแบบข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ภาพประกอบ, คะแนนรีวิว, ปุ่มแชร์ผลลัพท์การค้นหาไปยัง Google+ รวมทั้งข้อมูลอัพเดตล่าสุดจาก Google+ Business Page

ดังนั้น ธุรกิจออนไลน์จึงไม่ควรพลาดโอกาสในการสร้างข้อมูลที่จะช่วยเสริมสร้างความโดดเด่นให้กับเว็บไซต์ของท่านในผลลัพท์การค้นหาของ Google ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ชมเเว็บไซต์ให้มากยิ่งขึ้น

3.) โซเชียลมีเดียจะมีผลต่อการค้นหาบน Google มากขึ้น – เป้าหมายหนึ่งของ Search Engine ยักษ์ใหญ่อย่าง Google นั่นก็คือ การที่ทำให้ผู้ใช้ Google นั้นได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุดซึ่งข้อมูลนั้นก็ควรจะมีคุณภาพของเนื้อหามากที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงมีการนำจำนวนการแชร์ การ Like หรือจำนวนครั้งที่ content นั้นถูกเปิดชมเข้ามาเป็นส่วนร่วมในการจัดอันดับบน Google ด้วย ยิ่งมีคน Share ข้อมูลนั้นมากๆ ก็หมายความว่า คุณภาพของข้อความนั้นก็จะสูงตามไปด้วย จึงไม่เป็นเรื่องบังเอิญที่ว่า ผลการค้นหาส่วนใหญ่ที่ติดอันดับต้นๆ ตามธรรมชาติ (SEO) นั้น จะเป็นเว็บไซต์หรือบทความที่ถูกแชร์กันต่อๆ อย่างแพร่หลาย

และในปี 2014 นี้ก็เชื่อได้ว่า กิจกรรมการ Share และ Like บนหน้าเว็บไซต์เหล่านี้ จะมีผลในการจัดอันดับที่มากขึ้น หรืออาจจะมากกว่าคะแนนที่ได้รับจากการสร้าง Link เข้ามาจากเว็บไซต์อื่นๆ อย่างที่ผ่านมา

4.) การทำตลาดผ่านเครื่องมือการค้นหาบนเว็บไซต์ Baidu จะได้รับความนิยมมากขึ้น – นอกจาก Google แล้วยังมี Search Engine อีกหนึ่งค่ายที่ในปี 2014 จะเข้ามาบุกตลาดในไทยนั้นคือ Baidu ซึ่งเป็น Search Engine อันดับหนึ่งของประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกคือ จีน นั่นเอง โดย Baidu ได้ส่งเว็บไดเรกทอรี่ ที่ชื่อว่า th.hao123.com เข้ามาในไทยได้ระยะหนึ่งแล้ว

ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตามองว่า อีกเทรนด์ของการทำการตลาดออนไลน์ในปี 2014 นี้ คือการเข้ามาของ Search Engine ค่ายต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของธุรกิจออนไลน์ เพราะผู้ใช้จะมีช่องทางในการค้นหาข้อมูลเพื่อมาเจอเว็บไซต์ของทุกท่านได้มากขึ้นและยังสามารถเพิ่มฐานลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย

5.) Multi Screen Trend ยังมาแรง และจะปรับการแสดงผลเนื้อหาให้เหมาะกับทุกหน้าจอ – ด้วยอุปกรณ์สื่อสารทั้ง Smartphone และ Tablet ที่มีหลายรุ่น หลายระดับราคาให้ผู้บริโภคจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการบริโภคข่าวสารแบบ Real Time ทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์ต่างๆหลากหลาย เช่น บางคนเห็นโฆษณาบน computer แต่เข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย Smartphone ระหว่างเวลาว่างขณะเดินทาง เป็นต้น

ดังนั้น การปรับตัวให้รับกับ Multi Screen Trend ด้วยการพัฒนา “เนื้อหา” ให้รองรับกับ “พฤติกรรม” ของผู้บริโภคที่ “เปลี่ยนไป” ในแต่ละหน้าจอ ไม่เพียงแค่สำคัญ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะถ้าธุรกิจที่ยังไม่ปรับตัว ท่านก็จะสูญเสียลูกค้าที่นับวันจะหันมาใช้มือถือและแท็บเล็ตในการเข้าอินเทอร์เน็ตไปอย่างน่าเสียดาย

6.) ยุคทองของการทำโฆษณาติดตามรายบุคคล (Retargeting Ads) – การทำโฆษณาออนไลน์ในปี 2014 จะก้าวผ่านจากยุคที่มีเพียงการดีไซน์แบนเนอร์ไปฝากไว้ตามเว็บไดเรกทอรี่ต่างๆ เข้าสู่ยุคการทำโฆษณาขั้นสูงที่มีความซับซ้อนและมีความสามารถที่มากขึ้นมากเช่น การทำ Retargeting Ads เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลมากๆ ในช่วงหลังมานี้  โดยทั่วไปเมื่อผู้เข้าชมคลิกเข้าชมเว็บไซต์ ผ่าน “Web Browser” จะเกิด Cookies (ข้อมูลขนาดเล็ก) จะถูกส่งไปเก็บไว้ในบราวเซอร์ของท่านเพื่อทำการเก็บข้อมูลว่าได้เคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นๆ แล้ว และเมื่อท่านเปิดเว็บไซต์อื่นๆ ท่านก็จะมีโอกาสเห็นโฆษณาของเว็บไซต์เดิมที่ท่านเคยเข้าไปเยี่ยมชมมาปรากฎอยู่ เพื่อจะจูงใจให้ท่านคลิกและกลับเข้าไปชมเว็บไซต์อีกครั้ง

ซึ่งการทำโฆษณาให้เห็นซ้ำ จะทำให้แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์นั้น ไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของจิตใจผู้บริโภค และเป็นที่แน่นอนว่า ยิ่งเค้าคุ้นเคยกับแบรนด์นั้นมากขึ้นเท่าใด เขาก็จะมีความเชื่อใจและผูกพันธ์ ซึ่งจะนำไปสู่การซื้อสินค้านั้นได้

7.) Line จะทำได้มากกว่า Chat และขายสติ๊กเกอร์ – ถึงเวลาค้าขายบนไลน์กันแล้ว การถือกำเนิดของ “Line” แอพพลิเคชั่นแชทยอดนิยม ได้เข้ามามีอิทธิพลกับการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งเทียบรัศมีความนิยมกับ Social Network อย่าง Facebook ได้อย่างสูสี

ดังนั้น คนทำธุรกิจออนไลน์ต้องสนใจและหาโอกาสที่จะนำเสนอสินค้าและบริการไปยังลูกค้ากลุ่มผู้ใช้ Line เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้กับธุรกิจ ควบคู่ไปกับเครื่องมือ Social Media ที่หลากหลายไปพร้อมๆ กัน จะทำให้เพิ่มการรับรู้ในการจดจำของแบรนด์และเป็นการสร้างยอดขายได้อีกช่องทางที่ผู้ทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรพลาด