แคนนอน ผู้นำด้านกล้องดิจิตอลและอิมเมจจิ้ง ประกาศความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งในการผลิตเลนส์ถอดเปลี่ยนได้ตระกูล EF สำหรับกล้องถ่ายภาพตระกุล EOS โดยมียอดการผลิตรวมผ่านหลัก 120 ล้านตัวแล้วเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2559 ทั้งนี้เลนส์ตัวที่ 120 ล้านเป็นเลนส์เทเลโฟโต้รุ่น EF 100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM
การผลิตเลนส์ตระกูล EF สำหรับกล้อง SLR ตระกูล EOS เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2530 ที่โรงงานของแคนนอนในเมืองอุสึโนะมิยะ จังหวัดโทจิงิ ประเทศญี่ปุ่น เลนส์ดังกล่าวได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้กล้องกลุ่มต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องเพิ่มฐานการผลิตเป็น 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงโรงงานของบริษัทแคนนอน ไต้หวัน, แคนนอน ออปโต มาเลเซีย และโออิตะ แคนนอน ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น
ยอดการผลิตเลนส์ EFก้าวผ่านหลัก 10 ล้านตัวในปี 2538 และ 50 ล้านตัวในปี 2552 ต่อมาในเดือนเมษายน 2557 แคนนอนได้ฉลองยอดการผลิตเลนส์ถึง 100 ล้านตัวเป็นแบรนด์แรกในโลก และในปีนี้ยังทำสถิติเลนส์ถอดเปลี่ยนได้ที่มีการผลิตมากที่สุดในโลกเป็นจำนวนกว่า 120 ล้านตัว นอกจากนี้ กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ของแคนนอน (ทั้งชนิด DSLR และคอมแพกต์) ซึ่งใช้คู่กับเลนส์ EF ยังครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ทั่วโลกติดต่อกันมาถึง 13 ปีนับตั้งแต่ปี 25461 อีกด้วย
จากเมื่อครั้งออกสู่ตลาดพร้อมกับกล้อง SLR ตระกูล EOS ในปี 2530 เลนส์ตระกูล EF มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการนำหลากหลายเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ รวมถึงนวัตกรรมที่แคนนอนพัฒนาขึ้นสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก เช่น Ultrasonic Motor (USM), Image Stabilizer (IS), multilayered diffractive optical (DO) element และ Subwavelength Structure Coating (SWC) ปัจจุบันเลนส์ตระกูล EF มีมากถึง 97 รุ่น2 รวมถึงเลนส์ในตระกูล EF Cinema เพื่องานคุณภาพสูงระดับภาพยนตร์3
แคนนอนยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อภาพถ่ายภาพ เพื่อให้เลนส์ในตระกูล EF เป็นเลนส์ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ พร้อมทั้งส่งเสริมกิจกรรมการถ่ายภาพให้แพร่หลายและเข้าถึงคนทั่วโลกขึ้นอย่างต่อเนื่อง
1 ข้อมูล ณ วันที่ 29 มีนาคม 2559 จากการสำรวจของแคนนอน
2 รวมถึง EF lens extender ทั้ง 2 รุ่น และเลนส์อีก 3 รุ่นที่จำหน่ายเฉพาะนอกประเทศณี่ปุ่น ข้อมูล ณ วันที่ 7 กันยายน 2559
3 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีของเลนส์แคนนอน “The Eye of EOS” ได้ที่ www.canon.com/the-eyes-of-eos/
เลนส์ตระกูล EF ที่ใช้เทคโนโลยีที่แคนนอนพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก
รุ่น | คุณสมบัติและเทคโนโลยีหลัก | ออกสู่ตลาด |
EF300mm f/2.8L USM1 | ครั้งแรกในโลก2 กับเทคโนโลยี Lens–based Ultrasonic Motor (USM) | พ.ย. 2530 |
เทคโนโลยีอัลตร้าโซนิคมอเตอร์ (Ultrasonic Motor; USM) ที่อยู่ในเลนส์ ช่วยให้ระบบออโต้โฟกัสของเลนส์ทำได้อย่างรวดเร็ว โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยเปลี่ยนพลังงานจาก Ultrasonic Vibration ให้เป็นแรงขับเคลื่อนมอเตอร์ ทำให้ระบบโฟกัสอัตโนมัติทำงานเงียบและขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่น
|
||
EF75–300mm f/4–5.6 IS USM3 | ครั้งแรกในโลก2 กับเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหว Image Stabilizer (IS) | ก.ย. 2538 |
เทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหว (Image Stabilizer; IS) นี้ช่วยให้ภาพถ่ายนิ่ง ไม่สั่นไหว แม้ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้ขาตั้งกล้องช่วยในการถ่ายภาพได้ ทั้งนี้ ยังสามารถแสดงผลนี้ได้ขณะใช้งานผ่านช่องมองภาพด้วย | ||
EF400mm f/4 DO IS USM4 | ครั้งแรกในโลก2 กับชิ้นเลนส์ Diffractive optical (DO) lens element | ธ.ค. 2544 |
เทคโนโลยี Diffractive optical (DO) จะช่วยให้เลนส์มีขนาดเล็กลง และมีน้ำหนักที่เบาขึ้น แต่ยังคงให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูง ด้วยการใช้ประโยชน์จากการสลับลำดับของการกระจายของสีระหว่างชิ้นเลนส์กระจายลำแสงและชิ้นเลนส์หักเหแสงทั่วไป จึงทำให้สามารถลดจำนวนชิ้นเลนส์ที่ใช้ลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการคลาดสี (Color Aberration) ได้อีกด้วย | ||
EF24mm f/1.4L II USM | ครั้งแรกในโลก5 กับเทคโนโลยีเคลือบผิวเลนส์แบบ Subwavelength Structure Coating (SWC) | ธ.ค. 2551 |
เทคโนโลยีการเคลือบผิวเลนส์แบบ Subwavelength Structure Coating (SWC) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกัน และลดการสะท้อนของแสงบนพื้นผิวเลนส์ ซึ่งอาจทำให้เกิดแสงแฟลร์และแสงหลอกในภาพได้ | ||
EF100mm f/2.8L Macro IS USM | ครั้งแรกในโลก2 กับเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Hybrid IS ป้องกันภาพสั่นไหวจากกล้อง 2 ทิ่ศทาง | ต.ค. 2552 |
เทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Hybrid IS ใช้อัลกอริธึมพัฒนาใหม่ที่ช่วยลดการสั่นไหวของภาพที่เกิดจากการสั่นของกล้องตามข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์ 2 ตัวในเลนส์ เทคโนโลยีนี้ป้องกันได้ทั้งการสั่นไหวของกล้องในลักษณะมุมก้ม-มุมเงย (angle camera shake) และการสั่นไหวในลักษณะการเคลื่อนกล้องขึ้น-ลง (shift camera shake)
|
||
EF8–15mm f/4L Fisheye USM | ครั้งแรกในโลก2 กับเลนส์ฟิชอายที่ให้ภาพมุมกว้างถึง 180 องศา และแบบวงกลม 180 องศา | ก.ค. 2554 |
เลนส์ EF8-15mm f/4L Fisheye USM ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพในมุมมองที่แปลกตาและมีความชัดลึกมากเป็นพิเศษ ให้ภาพที่มีเอฟเฟคโค้งนูน คล้ายกับภาพที่ปลาน่าจะมองเห็นเวลามองขึ้นมาเหนือน้ำ
|
||
EF200–400mm f/4L IS USM Extender 1.4x | ครั้งแรกในโลก2 กับเลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโตที่มาพร้อม Extender ในตัว | พ.ค. 2556 |
เลนส์ EF200–400mm f/4L IS USM Extender 1.4x มาพร้อม Extender 1.4x ในตัว ช่วยเพิ่มระยะการซูมออกไปได้อีก 1.4 เท่าได้อย่างรวดเร็วเพียงกดปุ่มเดียว เหมาะมากสำหรับสถานการณ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ หรือต้องการความคล่องตัวในการถ่ายภาพในระยะไกลๆ
|
||
EF11–24mm f/4L USM | ครั้งแรกของโลก2 กับเลนส์มุมกว้างมากพิเศษ ที่ระยะโฟกัสกว้างสุดถึง 11 มม. | ก.พ. 2558 |
นอกจากจะเป็นเลนส์ที่ให้มุมมองภาพที่กว้างที่สุดในโลกด้วยความยาวโฟกัสกว้างสุดที่ 11 มม. แล้ว เลนส์รุ่นนี้ยังสามารถแก้ไขความคลาดสีของภาพซึ่งมักเกิดกับเลนส์มุมกว้างมากพิเศษ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยมเหนือชั้น
|
- ข้อมูล ณ วันที่ 7 กันยายน 2559 ปัจจุบันเลนส์รุ่นนี้เลิกผลิตแล้ว เลนส์รุ่นที่มาแทน คือ EF300mm f/2.8L IS II USM (เริ่มจำหน่ายเดือนสิงหาคม 2554)
- เฉพาะในกลุ่มเลนส์สำหรับกล้อง SLR เปลี่ยนเลนส์ได้
- ข้อมูล ณ วันที่ 7 กันยายน 2559 ปัจจุบันเลนส์รุ่นนี้เลิกผลิตแล้ว เลนส์รุ่นที่มาแทน คือ EF70-300mm f/4-5.6 IS USM (เริ่มจำหน่ายเดือนกันยายน 2548)
- ข้อมูล ณ วันที่ 7 กันยายน 2559 ปัจจุบันเลนส์รุ่นนี้เลิกผลิตแล้ว เลนส์รุ่นที่มาแทน คือ EF400 f/4 DO IS II USM (เริ่มจำหน่ายเดือนพฤศจิกายน 2557)
- เฉพาะในกลุ่มเลนส์สำหรับกล้องถ่ายภาพ
กด Like เพจเพื่อติดตามข่าวสาร