ตอนนี้ไม่มีเกมไหนที่คนพูดถึงเยอะไปกว่า Overwatch แน่นอน เกม Multiplayer จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Blizzard ที่มีข่าวคราวมาเป็นปี ได้วางจำหน่ายและเปิดให้เล่นแล้วทั้งบนพีซีและเกมคอนโซลอย่าง Playstation 4 กับ Xbox One เกิดเป็นกระแสที่เล่นกันทั่วทุกที่ทั้งในไทยเองและในต่างประเทศ วันนี้เลยขอมารีวิวและพูดคุยประเด็นที่น่าสนใจให้ฟังกันครับ
ผู้พัฒนา – Blizzard Entertainment
แนวเกม – เดินหน้ายิงบุคคลที่หนึ่ง, ผู้เล่นหลายคน
เครื่องเกมที่เล่นได้ – พีซี, Playstation 4 และ Xbox One(ไม่สามารถออนไลน์เล่นด้วยกันได้)
ผู้เล่น – 12 คน(ทีมละ 6 คน)
(โดยผมจะเล่นบนพีซี ผ่าน Battle.net นะครับ)
สเป็คพีซีที่ต้องการ – เกมนี้กินสเป็คไม่เยอะเลยเมื่อเทียบกับเกมในสมัยปัจจุบัน พีซีอายุไม่เกินห้าถึงหกปีสามารถที่จะเล่นได้เป็นส่วนใหญ่แน่นอน
ราคา – เฉพาะตัวเกมจะอยู่ที่ $39.99 ในเวอร์ชั่นปกติ และ $59.99 ใน Origins Edition ซึ่งจะแถมไอเทมในเกม รวมไปถึงไอเทมสำหรับเกมอื่นของ Blizzard อีกด้วย โดยเกมนี้เมื่อซื้อแล้วไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเพิ่มอีก เพราะตัวเกมมีการอัพเดทสมดุลและเพิ่มตัวละครตลอดเวลา เว้นแต่ว่าเราอยากจะซื้ออุปกรณ์ตกแต่ง(เครื่องแต่งกาย, เสียงพากย์คำใหม่ๆ, โลโก้ผู้เล่น รวมไปถึงสเปรย์ฉีดตามฉากของตัวละคร)ให้กับตัวละครของเราเพิ่มเติม(ไม่มีผลต่อการเล่นนอกจากความสวยงาม)
กราฟิกและการออกแบบ – เกมนี้มีงานภาพสไตล์การ์ตูนอนิเมชั่น ไม่ใช่กราฟิกแบบเสมือนจริงแบบเกมแนว military โดยจุดเด่นของการออกแบบตัวละครที่แตกต่างแต่มีสเน่ห์ในแบบแต่ละตัว เป็นจุดขายหลักของเกมนี้ เช่นนักบินสาวชาวอังกฤษ หรือ Tracer ผู้เป็นมาสค็อทอยู่บนปกของเกม
ระบบเสียง – Overwatch มีสิ่งที่น่าสนใจมากอีกอย่างคือเกมนี้รองรับระบบ Dolby Atmos(มีแค่ในพีซีเท่านั้นนะ) ผ่านหูฟัง ซึ่งสิ่งที่เราต้องการคือหูฟัง stereo ซ้ายขวาธรรมดาๆหนึ่งตัว แล้วเราแค่ไปเปิดระบบนี้ในเกม (แต่ต้องปิดระบบ 5.1, 7.1 และ virtual ทุกรูปแบบของระบบเสียงในคอมเราก่อนนะครับ) เพราะระบบเสียง Dolby Atmos มัน built in อยู่ในเกมเรียบร้อยแล้ว พอได้เล่นก็พบว่าต่างกับเสียง stereo 2.0 มากๆ ได้มิติโอบล้อมดีกว่าเดิมเยอะ รับรู้ตำแหน่งที่มาของเสียงได้ชัดเจนมากขึ้น จนแทบไม่เชื่อว่ามันเป็นเพียงการจำลองเสียงด้วยซอฟต์แวร์ ไม่ใช่การแยกลำโพงออกมาจริงๆ
อ่านต่อได้ที่ http://www.dolby.com/us/en/categories/games/overwatch.html
รูปแบบการเล่น – มันคือเกม FPS multilplayer ที่มีรูปแบบเข้าใจง่าย แต่ตัวละครและรูปแบบการควบคุมและใช้สกิลจะเหมือนเกมประเภท MOBA คือมีความแตกต่างและมีหน้าที่ประจำทีมชัดเจน แต่มีความสมดุลเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เกมนี้มีฮีโร่ทั้งหมด 21 ตัว แบ่งหน้าที่ออกเป็น Offense/Defense/Tank/Support โดยในแต่ละเกมไม่จำเป็นจะต้องเลือกให้ครบแบบ(แต่ถ้าครบ ทีมก็จะสมดุลกว่า) แต่ทุกตัวมีจุดอ่อนจุดแข็งที่ชัดเจนมากๆพอที่จะมองออกว่าจะใช้มันทำหน้าที่อะไร จะแก้ทางยังไง แล้วก็จะคอมโบกันกับเพื่อนอย่างไร(หน้าที่ของแต่ละฮีโร่สามารถไปสุดทางในสายของตัวเอง เช่น Support ชนิดที่ว่า “ไม่ตีเลยทั้งเกม” ก็ยังมี!!)
gikจะเลือกซ้ำกันหมดเลยก็ได้ แต่ในแต่ละรอบตายเราสามารถเปลี่ยนฮีโร่เล่นเพื่อแก้ทางและดุลเกมแบบ real time (ส่วนตัวไม่ชอบการที่แบบว่าจะต้องมีฮีโร่ทุก role ในแต่ละรอบ เราควรจะดีไซน์การเล่นให้สนุกสนานด้วยตัวเองดีกว่า) เนื่องจากเกมนี้เป็น FPS ที่มีจังหวะเร็วมากๆ จึงอาศัยการเล่นเป็นทีมเป็นสำคัญ การเลือกฮีโร่ให้เข้าขากับเพื่อนหรือวางแผนกันย่อมเป็นเรื่องที่ดี
อีกระบบเกมที่น่าสนใจคือ Play of the game ในแต่ละรอบของการเล่น ผู้ที่ทำอะไรเจ๋งๆ เช่นฆ่าได้เยอะที่สุด จะถูกนำช่วงเวลานั้นมาเป็นช็อตเด็ดแล้วฉายให้ทุกคนในเกมดู ไม่เกี่ยวกับว่าจะชนะหรือแพ้ ถือเป็นการให้เกียรติผู้เล่นทั้งสองทีมอย่างเท่าเทียมกันและเป็นการท้าทายความสามารถของตัวเองด้วย
การออกแบบฉาก – ถ้านับเกม FPS ที่เล่นแล้วชอบด่านจริงๆก็ไม่พ้น Titanfall แต่นั่นถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นกันระหว่าง Pilot และ Titan จึงไม่สามารถนำไปเทียบกับเกมอื่นได้ทั้งหมด
ส่วนเกมนี้ถือว่ามี level design ที่ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ด่านมีลักษณะเป็น pattern คล้ายๆเกม MOBA แต่แพรวพราวไปด้วยการเล่นระดับและเส้นทางในการบุก/ตั้งรับ มีจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถประยุกต์ใช้กับฮีโร่หลายหน้าที่ และฉากแต่ละฉากมีความสมดุลมาก โดยเฉพาะพวกที่ชอบใช้ตัวละครสาย Sniper มาซุ่มถาวรหรือ ที่เรียกว่าการ camping นั้นทำได้ยากมาก เพราะด่านออกแบบมาให้มีช่องโหว่และการสวนกลับการ camp อย่างสมบูรณ์
อีกอย่างคือในตัวด่านมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆของตัวละครอีกด้วย
แล้วทำไมเกมนี้ถึงถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์? จากการที่ผมติดตามข่าวสารและได้เล่นด้วยตัวเองก็ต้องขอตอบตามนี้ครับ
การโปรโมท – เกมนี้มีการโปรโมทมาอย่างยาวนาน โดยค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Blizzard ย่อมโถมกำลังในการโปรโมทเกมอย่างยิ่งใหญ่อลังการอยู่แล้ว โดยเฉพาะการปล่อยคลิปอนิเมชันตัวอย่างพร้อมแนะนำตัวละครก่อนเกมจะออกนานกว่าหนึ่งปี
เกมช่วง beta – การปล่อย beta มาให้เล่นสองรอบ ทั้งแบบ close beta และ open beta ย่อมทำให้เกิดการพูดปากต่อปากจากคนที่ได้เล่นแล้วและยังไม่ได้เล่น เลยเป็นกระแสขึ้นมา โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่ close beta นั้นมีคนได้ทดลองเล่นน้อยมากๆ ยิ่งเพิ่มความอยากเข้าไปอีก
ตัวละครมีความน่าสนใจ – มีหลายคนทีเดียวที่ชอบตัวละครในเกมนี้จึงสนใจที่จะเล่น ก็ไม่แปลกใจเพราะการออกแบบตัวละครของเกมนี้โดดเด่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่ามาแนวน่ารัก ดุดัน เฮฮา หรือขาโหดก็มีให้ครบทุกแนว
เรื่องราวที่เข้มข้น – แม้ว่าเกมนี้จะเป็นเกมออนไลน์ที่ไม่มีโหมดผู้เล่นเดียว (single player) แต่เรื่องราวของเกมกลับเข้มข้นน่าสนใจไม่น้อยหน้าเกมอื่น และมีความลับที่ถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ ทั้งประวัติย่อของตัวละคร เนื้อเรื่องในเกมในแต่ละด่าน และที่ขาดไม่ได้คืออนิเมชันสั้นหลายตอนที่ Blizzard บรรจงทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวของเกมให้ชัดเจนและน่าติดตามมากขึ้น แถมก็ไม่ใช่อนิเมชั่นไก่ก่า เรียกดว่าคุณภาพไม่แพ้ระดับหนังฉายโรงเลยทเดียว
ตัวค่ายอย่าง Blizzard เอง – ค่ายนี้ถือเป็นอีกค่ายเกมยักษ์ใหญ่ แต่ว่าเกมที่ให้บริการอยู่ขณะนี้มีเพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น และที่ผ่านมากว่าแต่ละเกมจะออกมาได้ต้องผ่านการพัฒนาขัดเกลามาอย่างดี และมีบริการอัพเดทอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่าเกมนี้ก็เป็นอีกเกมที่จะต้องดีเยี่ยมไม่แพ้เกมรุ่นพี่อย่างแน่นอน
และเพราะตัวเกมมีคุณภาพที่ดี – เหนือกว่ากระแสอย่างอื่นก็ตัวเกมเองนี่แหละที่สนุกจนใครต่อใครแนะนำ(หาเพื่อน)กันให้เล่นมากมาย มีกราฟิกสวยงามแต่กินสเป็คน้อย มีรูปแบบการเล่นที่รวดเร็วและน่าสนใจ ตัวละครแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสมดุล จึงไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เกมนี้จะถูกพูดถึงไม่หยุดไม่เว้นวัน
ก็ถือว่าเป็นอีกเกมที่น่าจับตามองมากๆของปีนี้ และคงจะถูกพูดถึงไปอีกนานทีเดียว ผมเองคงได้แต่บอกว่าถ้าใครมีโอกาสและเวลาสักหน่อยอยากจะลองเล่น ขอให้อย่าได้พลาดเกมนี้ครับ ไม่ใช่มาแรงแค่กระแสปากต่อปาก แต่มันสนุกจริงๆ