คุณผู้อ่านเคยมีปัญหาอย่างนี้หรือไม่ ที่วัน ๆ หนึ่งได้แต่นั่งทำงานโดยที่ไม่ค่อยได้เปลี่ยนอริยาบถหรือไม่ค่อยได้ลุกเดินไปไหนมาไหนและมักจะมีอาการปวดหัวตา ปวดหลัง ปวดไหล่อยู่เป็นประจำ ซึ่งอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ เหล่านี้ หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย จึงไม่ค่อยได้ใส่ใจที่จะแก้ไขอย่างจริงจัง กว่าจะรู้ตัวร่างกายก็เข้าสู่อาการเจ็บป่วยมากแล้ว เพราะถูกเล่นงานจากภัยร้ายใกล้ตัวอันเกิดจากการทำงาน
ออฟฟิศ ซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนวัยทํางานออฟฟิศ ที่สภาพแวดล้อมในที่ทํางานไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทํางานตลอดเวลาไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ และปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ อาทิ หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ ส่วนบางรายที่มีอาการของหมอนรองกระดูกเคลื่อนอยู่แล้ว หากทํางานในอริยาบทที่ผิดจะทําให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น
ท่านผู้อ่านลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่าท่านมีอาการที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่ หากท่านมีอาการดังกล่าว มาดูวิธีป้องกันโรคนี้กันเลยค่ะ
วิธีป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม มีดังนี้ค่ะ
- เริ่มต้นจากการจัดสภาพภายในห้องทำงานให้ถูกสุขลักษณะ ได้แก่ จัดแสงไฟให้เหมาะสม โต๊ะทำงาน เก้าอี้ต้องได้สัดส่วนกับร่างกาย กรณีที่เป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์ควรเลือกระดับพอดีกับข้อศอก เพื่อให้สามารถกดแป้นคีย์บอร์ดได้ถนัด ควรมีที่รองรับข้อมือไม่ให้กระดกข้อมือซ้ำ ๆ ส่วนเก้าอี้ควรมีพนักพิงที่สามารถรองรับศีรษะได้ด้วย จอคอมพิวเตอร์ควรเป็นแบบ LCD แบน เนื่องจากทำให้เพ่งสายตาและปวดศีรษะน้อยกว่าจอแบบ CRT
- ปรับพฤติกรรมระหว่างทำงาน จัดอริยาบถและสมดุลโครงสร้างให้เหมาะสม เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรพักสายตาเป็นระยะทุก 20 นาที ไม่นั่งทำงานในท่าเดิมนาน ๆ ให้เปลี่ยนอริยาบถ ลุกเดินยืดเส้นยืดสาย ทุก ½ – 1 ชั่วโมง อย่านั่งหลังงอ หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าส้นสูงมาก ๆ หรือหิ้วกระเป๋าที่หนักเกินไป หรือไม่ก็หากระถางต้นไม้เล็กๆมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อที่เราจะได้ทำการพักสายตาโดยการหันไปมองกระถามต้นไม้เล็กๆต้นนั้นของเรา
- ออกกำลังกายแบบง่าย ๆ ในท่าต่าง ๆ เช่น บริหารข้อมือด้วยท่ากำมะเหงก การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ด้วยการบิดขี้เกียจ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินบ่อย ๆ ควรฝึกท่าออกกำลังกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรง วันละ 2 – 3 นาที โดยให้นอนคว่ำลงกับพื้น แขนทั้งสองข้างวางข้างตัว ครั้งแรกให้เงยหน้า คาง คอและยกอกขึ้นให้พ้นจากพื้นสัก 3 – 4 ครั้ง ต่อมายกขาทั้งสองข้างขึ้น โดยให้หัวเข่าเหยียดตรง ทำเช่นนี้ 3 – 4 ครั้งเช่นกัน เมื่อทำได้ดีแล้วให้ยกอกและยกขาขึ้นจากพื้นพร้อม ๆ กัน
- ถ้างานหนักเกินไปต้องหาเวลาพักผ่อนบ้าง รักษาอารมณ์และผ่อนคลายความเครียด เช่น อ่านหนังสือเรื่องที่เบาสมอง ดูหนัง ร้องเพลง ฟังเพลงหรือเที่ยวพักผ่อนบ้างตามสมควร
ยังไงก็ตามการทำงานมีความสำคัญต่อชีวิต เพราะการทำงานคือการใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงชีวิตมากกว่าสิ่งใด ๆ แต่ต้องไม่ลืมที่จะทำงานด้วยหัวใจและด้วยสมองที่มีสติ การทำแบบบ้างานจนไม่ลืมหูลืมตา ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับชีวิตนะคะ เพราะนั่นหมายถึง การทำร้ายตนเอง จนในที่สุดโรคภัยไข้เจ็บจะมารุมเร้า ทำให้หมดโอกาสที่จะทำงานต่อ ดังนั้น การป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากมหันตภัยใกล้ตัวจากการทำงาน
ท่านผู้อ่านคนไหนรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมอยู่ ลองทำตามวิธีป้องกันโรคนี้กันดูนะคะ ยังไงซะความไม่มีโรคเป็นลาภอันเสริฐนะคะ
ที่มา : IT24Hrs