
Nextbit Robin สมาร์ทโฟนสไตล์เรขาคณิตประกอบไปด้วยทรงกลม และทรงเหลี่ยม พร้อมสีมิ้นต์ที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือน และเก็บข้อมูลด้วยระบบคลาวด์
เมื่อพูดถึงสมาร์ทโฟนที่มีความแตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด ผมคิดว่าในเวลานี้ คงมีแค่รุ่นเดียวเท่านั้น ก็คือ Nextbit Robin
ทั้งนี้แบรนด์ Nextbit ถือว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่โด่งดังมาจากการระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Kickstarter ก่อนที่จะผันตัวเองมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
ในบทความนี้เราจะมีรีวิวสิ่งที่น่าสนใจของรุ่นนี้กันครับ
จุดเด่นของ Nextbit Robin
1. การออกแบบ
ประการแรกที่ต้องพูดถึงก่อนเลยก็คือ เรื่องของการออกแบบ เพราะ Nextbit Robin ใช้การออกแบบโดยอ้างอิงจากรูปทรงเราขาคณิต กล่าวคือ บนตัวเครื่องจะมีการใช้ทรงกลม และทรงสี่เหลี่ยมเท่านั้น โดยทรงกลมจะอยู่บริเวณของปุ่ม Rocker Up/Down ตรงส่วนที่เป็นลำโพง ส่วนของกล้อง และเซนเซอร์ แต่ที่แตกต่างออกไปก็จะเป็นในส่วนปุ่ม Power On/Off ซึ่งเป็นพื้นที่สแกนลายนิ้วมือ และถาดซิม
เท่านั้นยังไม่พอ Nextbit Robin ยังกล้าที่จะสร้างความแตกต่างด้านการออกแบบขึ้นไปอีก โดยการนำสีมิ้นท์ (Mint) มาใช้ในสมาร์ทโฟน ซึ่งต้องยอมรับว่าการเลือกสี Colour Code ของ Nextbit ทำได้ดีมาก จนกระทั่งทำให้สีสันของตัวเครื่องมีความแปลกแหวกแนว ไม่เหมือนใคร และสีสันสวยมากๆ
อย่างไรก็ตามสีของ Nextbit Robin รุ่นที่วางจำหน่ายในรุ่น Mass Product กับรุ่นที่มาจากการระดมทุน จะใช้สีคนละสี รวมถึงด้านหลังก็จะแตกต่างกัน โดยรุ่นที่มาจากการระดมทุนจะใช้สีดำบริเวณด้านหลัง และใช้สีมิ้นต์ที่เข้มกว่ารุ่นวางจำหน่ายทั่วไป อันนี้ถือเป็นจุดสังเกตนะครับ
2. ระบบ Cloud

อย่างที่สองที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ เรื่องของระบบ Cloud เมื่อครั้งที่ Nextbit Robin ยังอยู่สถานะของโปรเจ็คระดมทุน ได้มีการชูประเด็นเรื่องของ Cloud โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลทั้งหมดขึ้น Cloud Computing ของ Nextbit เอง ซึ่งแนวความคิดนี้ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ไฟล์หรือแอปพลิเคชันมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่หน่วยความจำพื้นฐานไม่ได้มีขนาดความจุที่เยอะมากนัก นั่นจึงทำให้เกิดแนวความคิด นำทุกอย่างขึ้นบนคลาวด์
ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน รูปภาพ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่ไม่ได้มีการใช้งานบ่อยๆ จะถูกนำข้อมูลไปไว้ใน Cloud ผ่านการ Login ด้วย Nexbit Account ทำให้ประหยัดพื้นที่หน่วยความจำในเครื่องได้เลย

ทั้งนี้หลายคนอาจสงสัยว่า การซิงค์ข้อมูลทุกอย่างขึ้นบน Cloud ก็จะเป็นการเปลือง ‘เน็ต’ รึเปล่า อันนี้สบายใจได้ เพราะว่าเราสามารถตั้งค่าการซิงค์ได้ว่า จะให้ซิงค์เฉพาะการเชื่อมต่อ WiFi เท่านั้นได้ครับ
ทั้งนี้ตรงหน้าจอ Homescreen จะมีไอคอนทรงกลมสีม่วง ภายในจะมีคำสั่งย่อย 3 คำสั่ง ได้แก่ 1. Archived apps: ในกรณีแอปที่ถูกเก็บขึ้น cloud 2. Pinned apps: เป็นแอปที่เราใช้งานบ่อยๆ ไม่ต้องการให้นำไปขึ้นคลาวด์ และ 3. All Apps: คือหน้าที่จะบอกว่า เรามีแอปอะไรบ้างในเครื่อง

3. กล้องถ่ายภาพ
ต่อมาคือ การถ่ายภาพ ซึ่งยอมรับว่า คุณภาพของกล้องทำได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Auto Mode หรือ manual mode ที่อาจไม่ได้ปรับอะไรได้มากนัก แต่คุณภาพที่ออกมา ถือว่าน่าประทับใจ เพียงแต่ว่าในช่วงที่แสงน้อยๆ การจับโฟกัสการถ่ายภาพจะช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันอินเตอร์เฟสถือว่าเรียบง่าย เข้าใจง่าย และใช้งานได้ไม่ยาก โดยรวมแล้วถือว่า น่าประหลาดใจไม่ใช่น้อยเลยกับความสามารถในการถ่ายภาพ
ตัวอย่างภาพถ่าย
4. ริงโทนและเสียงแจ้งเตือนที่ไม่เหมือนใคร
และจุดเด่นอย่างสุดท้ายที่อยากพูดถึงมากที่สุด เป็นเรื่องของเสียงครับ ตามที่เห็นจากตัวเครื่องคือการมาพร้อมกับลำโพงคู่ด้านบนและด้านล่าง ซึ่งเสียงที่ให้มาถือว่า ดี และดังกระหึ่มถูกใจคนที่เสพย์ความบันเทิงผ่านลำโพงสมาร์ทโฟนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการดูคลิปผ่าน YouTube
อย่างไรก็ตามถ้ามองข้ามประเด็นเรื่องลำโพงคู่ไปแล้ว สิ่งที่ผมชอบจริงๆ ใน Nextbit Robin นั่นก็คือ เสียงริงโทน และแจ้งเตือน เท่าที่ทราบข้อมูลมาก็คือว่า ทาง Nexbit ได้เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้ร่วมพัฒนาเสียงริงโทน และเสียงแจ้งเตือนจึงทำให้เสียงของตัวเครื่องไม่เหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นใดเลย โดยเฉพาะเสียงนาฬิกาปลุกที่เป็นเสียงไก่ขัน อันนี้ผมว่าเป็นแนวความคิดที่เจ๋งมากๆ
ลองฟังตัวอย่างเสียงเรียกเข้าได้ที่นี่
จุดสังเกต
อย่างไรก็ตามจุดด้อยของรุ่นนี้ ในความเห็นของผมนั้น คงเป็นเรื่องแบตเตอรีที่ไม่ค่อยอึดสักเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นเพราะการบริหารแบตเตอรีที่ไม่ค่อยดีนัก รวมถึงการที่ต้องมีการซิงค์ข้อมูลขึ้น cloud จึงทำให้เป็นการบริโภคแบตเตอรีทางหนึ่ง ทำให้แบตเตอรีของตัวเครื่องไม่อึดเท่าที่ควร
สรุป
ในความเห็นของผมแล้ว Nextbit Robin ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีการออกแบบที่แปลก แหวกแนว อีกทั้งยังกล้านำเสนออะไรใหม่ๆ เช่น การโยนข้อมูลขึ้น Cloud โดยมีพื้นที่ให้อัปโหลดฟรี 100GB การออกแบบตัวเครื่อง นำสีมิ้นต์มาใช้ ไปจนถึงเรื่องของมัลติมีเดียที่ให้เสียงที่ดังกระหึ่ม รวมถึงเสียงของการแจ้งเตือนที่มีความโดดเด่น ไม่เหมือนกับสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ เรียกได้ว่า Robin ทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การตั้งราคาที่แพงเกินไปที่ 12,900 บาท ซึ่งเมื่อเอาราคาเทียบกับสเปกเครื่องแล้ว ถือว่าแพงจนต้องคิดหนักกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนว่า รุ่นนี้จะได้อัปเดทเป็น Android 7 Nougat รึเปล่า ก็ยิ่งทำให้ตัดสินใจลำบากไม่น้อย ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าหากตั้งราคาที่ต่ำกว่าหมื่นรุ่นนี้ จะเป็นรุ่นที่น่าสนใจทีเดียว ส่วนราคานี้ขอบายครับ
สเปกเครื่อง

- Qualcomm Snapdragon 808
- IPS 5.2 นิ้ว 1080p (Gorilla Glass 4)
- แรม 3GB
- ความจุ 32GB // ความจุ Cloud 100GB
- กล้อง 13 ล้านพิกเซล phase detection AF / dual tone flash
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับ Fingerprint
- รองรับ NFC
- ลำโพงสเตอริโอ ด้านบนและล่าง
- พอร์ทการเชื่อมต่อ USB Type C
- แบตเตอรี่ 2680 mAh รองรับ Quick Charge 2.0
กด Like เพจเพื่อติดตามข่าวสาร