Lazada

[บทความ] Wearable Device จำเป็นกับชีวิตแล้วหรือยัง !?

2007iphone

เทรนด์การใช้สมาร์ทโฟนถูกเหวี่ยงด้วยลูกตุ้มอย่างรุนแรงตั้งแต่ปี 2007 ล่วงเลยมา 7 ปี มันคงเป็นเหมือนหลักทางฟิสิกส์กระมัง ที่มีการเหวี่ยง แต่ในท้ายที่สุดแรงเหวี่ยงต้องเฉื่อยลง อ่อนลง จนกระทั่งหยุดนิ่งสนิท

สมาร์ทโฟนเองก็เช่นกัน จากเดิมที่เรามองว่า มันยังไปได้อีกไกล มันยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจอีกมาก แต่ในความเป็นจริง ณ แล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นจริงหรือ? เมื่อการแข่งขันด้านสเปกเครื่องจบลง สมาร์ทโฟนกลายเป็นสิ่งที่มีสเปกเครื่องสูงไม่แพ้คอมพิวเตอร์ เมื่อหนทางด้านฮาร์ดแวร์ตีบตันลง กระแสใหม่ที่ถูกจุดขึ้นมา นั่นคือ การพูดเรื่องซอฟต์แวร์

แต่ละค่าย แต่ละผู้ผลิตต่างชูเรื่องซอฟต์แวร์มาเป็นจุดขายใหม่ ระยะแรกเราอาจเห็นซอฟต์แวร์ที่เยอะแยะ อัดแน่นจนล้นปรี่ แต่ใช้งานในชีวิตจริงได้น้อย ซึ่งในที่สุดผู้ผลิตเองก็รับการเรียนรู้จากผู้ใช้ว่า ซอฟต์แวร์หรือฟังก์ชันที่อัดแน่นมานั้น กำลังเป็นสิ่งที่ยัดเยียดให้ผู้ใช้กล้ำกลืนฝืนทนกับมัน จนอาจเกิดความรำคาญอย่างคาดไม่ถึง ถึงจุดนั้นปัจจุบันสมาร์ทโฟนเลยมาพร้อมกับฟังก์ชันที่น้อยลง และเริ่มใช้งานได้จริงในชีวิต

เหนือสิ่งอื่นใดในท้ายที่สุดสมาร์ทโฟนก็กำลังเข้าใกล้สู่จุดทางตันเข้าไปทุกขณะ

630x418

แล้วอะไรล่ะ คือสิ่งที่จะช่วยผ่าทางตันให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน เมื่อชำเลืองมองรอบด้าน สิ่งๆ นั้นเลยกลายเป็นอุปกรณ์สวมใส่ หรือชื่ออย่างไม่เป็นทางการ Wearable Device

หากให้พูดถึงคร่าวๆ โดยความเห็นผมมองว่า Wearable Device มันถูกจุดกระแสขึ้นมาพร้อมๆ กับเทรนด์การรักษาสุขภาพที่กำลังหมุนอยู่บนโลกใบนี้ คนทั่วไปอยากมีสุขภาพที่ดี อาจจะเพื่อเทียบเคียงกับดาราคนโปรด ลดปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ และอื่นอีกหลายเหตุผล

เมื่อองคาพยพทุกภาคส่วนมีความพร้อม ทั้งเทคโนโลยี กระแสของโลก และตัวของผู้คนที่พร้อมจะหันเข้าใส่ กระแส Wearable Device เลยถูกจุดขึ้นมาอย่างไม่ยากเย็น

แม้ว่ากระแส Wearable Device จะถูกจุดขึ้นมา เหนือสิ่งอื่นใด Wearable Device เองก็ไม่ต่างไปจากพลุไฟที่ถูกจุดขึ้น แสดงความสวยงาม อวดโฉมบนฟากฟ้า แต่ในท้ายที่สุดมันต้องมืดดับไป เหลือแต่เพียงท้องฟ้าสีดำ คำถามที่สำคัญเกี่ยวกับ Wearable Device ตอนนี้อยู่ตรงที่ว่า ความจำเป็นของมันอยู่ที่ไหน ?

130521_wearable-tech_splash_2

ถึงแม้ว่าตัวของเทคโนโลยีสวมใส่จะสร้างความสะดวกสบายให้กับเทรนด์ของการรักสุขภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ ยังอาจเป็นเรื่องไกลตัวที่ทำได้ผ่านรูปแบบออฟไลน์ เช่น การนับก้าวการเดินเป็นตัวอย่าง จุดนี้มันมีแอปพลิเคชันที่ถูกเขียนขึ้นมาเนรมิตรตามความต้องการ การวิ่งบางครั้งผู้ออกกำลังกาย ก็ไม่ได้ต้องการอยากรู้ว่า ตัวเองวิ่งไปแล้วกี่กิโลเมตร เพียงแค่ว่าตั้งเป้าจะวิ่งรอบสนามให้ครบ 10 รอบ มันก็ถือเป็นการออกกำลังกาย ที่ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริม

ขณะเดียวกันการนับแคลอรีของการรับประทาน ผู้ออกกำลังกายเองก็อาจอยู่ในแวดวงสุขภาพก็มีความเข้าใจ และสามารถกะเกณฑ์แคลอรีคร่าวๆ ได้เอง คำถามของการถามหาความจำเป็นในการใช้ Wearable Device จึงยังคงมีอยู่

ไม่ได้มีแต่เพียงเท่านี้ Wearable Device บางจำพวกก็ไม่ได้ถือฤกษ์ก่อกำเนิดขึ้นมาจากด้านสุขภาพ แต่ทำไมเพื่อล้อไปกับสมาร์ทโฟน เช่น บริการการแจ้งเตือนบนหน้าปัดนาฬิกา หรือสายรัดข้อมือ ตรงจุดนั้นการถามหาความจำเป็นก็ยังคงมีอยู่ต่อไป ตราบใดที่นาฬิกาที่เรียกว่า นาฬิกาอัจฉริยะ แต่กลับไม่อัจฉริยะเอาเสียเลย ในเมื่อมันใช้งานได้เพียงแค่ 1-3 วันเท่านั้น ! หรือการดูการแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟนหรือสายรัดข้อมือ ถามว่ามันจำเป็นต้องกระทำแบบนั้นหรือไม่ ทั้งๆ ที่การควักสมาร์ทโฟนออกจากกระเป๋าก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการอย่างไรเลย

photo-main

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา เมื่อลิงก์ทุกอย่างเข้ามา ปัญหารวบยอดของ Wearable Device แท้ที่จริงแล้ว มันคือ ฟังก์ชันการใช้งานที่มันยังไม่ตอบโจทย์เลยต่างหาก

ประเด็นนี้คงเป็นความลำบากของผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีที่จะต้องคิดหัวแทบแตกว่าจะทำอย่างไร ถึงจะยัดเทคโนโลยีที่มีอยู่ใส่ในอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ งานนี้มีหวังไม่ยากก็บ้าตายกันไปก่อน

เมื่อมองอีกจุดหนึ่งที่ยังมีปัญหา นั่นคือ จิตวิญญาณและความมุ่งมั่นของการเกิดเทคโนโลยี เพื่อให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แต่ Wearable Device มันยังก้าวไปไม่ถึงจุดนั้น หากแต่การเกิดฟีเจอร์การใช้งานระดับ Killing Feature ขึ้นมาจริงๆ เมื่อถึงจุดนั้นคำถามที่มีต่อความจำเป็นของ Wearable Device จะเงียบลง แม้ยังไม่ถึงขั้นหายเงียบเรียบไปกับสายลมก็ตามที

o-IWATCH-GOOGLE-GLASS-facebook

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแส Wearable Device จะยังอยู่ในสถานะสินค้าที่มีกระแส แต่กระแสที่ว่ายังเป็นกระแสแบบลูกผีลูกคน ที่ยังไม่รู้ว่าบทสรุปจะออกหัว หรือออกก้อย แต่ในความเชื่อลึกๆ ของของผมแล้ว อุปกรณ์ชนิดนี้อาจจะเวิร์กจริงๆ ก็ได้ หากเมื่อวันนั้น Wearable Device ถูกปลุกโดยแอปเปิล ที่เคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งกับสินค้าอย่าแท็บเล็ต หรือกูเกิลที่ทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นสินค้าที่ทุกคนเข้าถึงง่าย และกลายเป็นความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว

สุดท้ายแล้ว คงต้องรอถึงวันนั้นว่า แอปเปิลและกูเกิล อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ Wearable Device กลายเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อเรา