Lazada

Google Play Movies vs. iTunes ซื้อหนังที่ไหนดีกว่ากัน !?

Banner

สองสัปดาห์ก่อน กูเกิลเปิดตัว Movies Store ประเทศไทยแบบเงียบๆ ทำให้บ้านเรามี Store ของ Google เกือบครบถ้วนแล้ว ขาดแต่เพลง Music ที่ยังไม่มีการเปิดตัว

ทว่านั่นมิได้หมายความว่า กูเกิลคือแบรนด์แรกที่เราสามารถซื้อหนังในรูปแบบออนไลน์ หากแต่มีคู่แข่งอย่าง Apple ที่ขนทัพ iTunes รออยู่นานแล้ว

แม้ว่าชีวิตปกติผมจะทำงานในรูปแบบ Digital เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เอาเข้าจริงชีวิตผมยังมีความเกี่ยวพันกับ Analog อยู่ไม่น้อยเลยครับ เช่นเวลาจะจดบันทึก ผมก็ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนจดหรอกครับ ผมยังพกสมุดเล่มขนาดไม่ใหญ่มาก พร้อมปากกา ไม่ก็ดินสอจดสิ่งที่พบเห็น เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในงานเขียน

หรือไม่ก็เรื่องการซื้อหนัง ซื้อภาพยนตร์ ตรงนี้ผมก็ยังนิยมในการเดินหาซื้อแผ่น DVD ร้านประจำอยู่บ่อยครั้ง เดือนนึงซื้อก็หลักสิบแผ่นเข้าให้แล้ว

ในอนาคตแล้ว มีความเป็นไปได้ที่คนในยุคถัดไป การซื้อหรือการเสพย์หาสินค้าความบันเทิง ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจาก Analog เปลี่ยนผ่านเป็น Digital

แต่ใช่ว่า ผมจะไม่เคยอุดหนุนพวก Digital เช่นการซื้อภาพยนตร์ผ่าน Store นะครับ ผมเองก็เคยเป็นลูกค้าบ้างประปราย ไม่บ่อยมากนัก เพราะเรื่องบางเรื่อง ผมไม่อาจหาซื้อได้จริงๆ อีกทั้งผมเป็นคนที่ไม่นิยมการดาวน์โหลดละเมิดลิขสิทธิ์สักเท่าไหร่

ลองคิดดูว่า ผลงานที่เป็นของเรา ตรากตรำทำมาอย่างยาวนาน กลับถูกขโมยภายในเสี้ยววินาที คงน่าเศร้าแค่ไหน

Play Banner

กลับเข้าสู่เรื่องของเรากันต่อ ในฐานะที่ Google Movies Store คือ ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ในสังเวียนนี้ (เฉพาะบ้านเรา) เท่าที่ลองใช้งานเบื้องต้น ผมยังรู้สึกว่า Google ยังเสียเปรียบ iTunes ของ Apple พอสมควร

ข้อเสียเปรียบหลักเลยครับ คือแพลตฟอร์ม iTunes นั้นมีความหลากหลายกว่า หลายท่านอาจจะสงสัยว่า มันหลากหลายกว่ายังไง ?

คืออย่างนี้ครับ แอปเปิลผูกบริการที่เป็น ‘ของซื้อ ของขาย’ ไว้ใน iTunes ถูกต้องไหมครับ แล้ว iTunes นี้มีให้ใช้ในทุกๆ ดีไวส์ที่แอปเปิลผลิต ลองเปิด MacBook ก็มี iTunes เปิดแอป iTunes ใน iPad หรือ iPhone ก็มี

เมื่อการซื้อภาพยนตร์ หรือแม้แต่เพลงใน iTunes ทุกๆ คอนเทนต์ที่ซื้อมาจะซิงค์รวมกันอยู่ใน Apple ID

โทษฐานที่จับดีไวส์ของหลายแบรนด์ หลายค่าย หากต้องการที่เสพย์สื่อบันเทิงแบบพกพาไปที่ไหนก็ได้ ให้ลองเลือกว่าจะซื้อ Android Tablet หรือ iPad คุณจะเลือกของค่ายไหน ?

นั่นแหละครับ จึงเป็นความได้เปรียบง่ายๆ ที่ Apple และ iTunes มีต่อ Google Movies Store ยิ่งไปกว่านั้น การเสพย์สื่อบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์ผมแอบได้ยินเสียงโอดครวญว่า การดูภาพยนตร์มันต้องดูจอใหญ่ๆ สิ ถึงจะสนุก

itunes-in-the-cloud-movies-uk

ใช่เลยครับ! ตรงนี้ผมก็ยังมองว่าฝั่ง Apple ยังตอบโจทย์ได้ดีกว่า ทางเลือกในการดูหนังจอใหญ่ๆ แบบที่ไม่ต้องซื้อแผ่น DVD หรือ Blue Ray มันก็คือ การดูผ่านอุปกรณ์เสริมต่อกับทีวี หรือถ้าจะให้สะดวกกว่านั้น Apple TV ก็คือคำตอบอีกข้อนึ่ง ที่จะทำให้การเสพย์สื่อบันเทิงไม่ต้องเชื่อมต่อกับอีกดีไวส์นึง

ตรงนี้แอนดรอยด์ค่อนข้างมีข้อจำกัดที่ ‘ลำบากกว่า’ เพราะยังไม่มีความหลากหลายเท่า

สิ่งที่แอนดรอยด์มีอยู่ในมือเวลานี้ หากนับเฉพาะแง่ ‘แพลตฟอร์ม’ เพียงอย่างเดียว มีแค่ Chromescast และ Android TV สถานภาพไม่ต่างจากลูกผีลูกคน จะหาซื้อก็ยังไม่ได้เปิดกว้างมากนัก ยิ่งประเทศโลกที่สามอย่างบ้านเราแล้ว การเดินหาอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อการรับชมเสพย์ความบันเทิง จึงยังเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย

อ้อ………ขออนุญาตลืม Chromebook ชั่วคราว

เมื่อวิเคราะห์ลงไป สังเกตดูให้ดีว่า การซื้อความบันเทิงที่ว่านี้ จะถูกผูกเอาไว้กับแพลตฟอร์มใด แพลตฟอร์มหนึ่ง ไม่สามารถที่จะ Cross-Platform ได้เลย ผู้บริโภคจึงถูกบังคับว่า ต้องเลือกทางใดทางหนึ่งเท่านั้น ระหว่าง Google หรือ Apple ถ้าเลือก Apple ก็ต้องดูผ่านดีไวส์ Apple ถ้าเลือก Android ก็ต้องดูดีไวส์ของ Android

คราวนี้กระชับทั้งเรื่องแพลตฟอร์มเข้ามา คำถามที่เป็นโจทย์ใหญ่ที่สุด และเป็น Key Point ของบทความนี้ คือ แล้วตัว ‘คอนเทนต์’ ล่ะ จะเลือกซื้อจากเจ้าไหนดี ?

vs

เรื่องแรกที่ผมอยากดู และหาซื้อแผ่นดูไม่ได้ เว้นเสียแต่จะดาวน์โหลดอย่าง Dead Poets Society หนังที่ดีที่สุดของปู่ Robin William เรื่องนี้ผมได้ดูสมัยเด็กๆ กับอีกครั้งหนึ่งตอนเรียนปีสามมหาวิทยาลัย ในวิชาดูหนัง

ผมลองค้นหาทั้งใน iTunes และ Movies Play Store ผลลัพธ์ที่ได้คือ Google มีแค่เรื่องที่ใกล้เคียงกันคือ The Truman Show (ผู้กำกับคนเดียวกัน) แต่ใน iTunes มีเรื่องนี้ให้ดาวน์โหลดเสร็จพร้อมสรรพ

ออกตัวก่อนว่า ผมเป็นคนที่ดูหนังหลากหลาย จะชอบใจมากถ้าได้ดูหนังอินดี้ของไทย หรือต่างชาติ ผมเลยลองเอาตัวเองไปค้นหาว่า อยากดูหนังเรื่องไหนเป็นพิเศษบ้าง ซึ่งมีเว็บที่อ้างอิงได้หลายเว็บ ตัวอย่างเช่น เว็บที่ผมเข้าไปค้นหาข้อมูลหนังเป็นประจำอย่าง http://www.rottentomatoes.com

ผมลองค้นๆ ดูใน Top 100 Movies ของ Rotten Tomatoes โดยเทียบกับ iTunes และ Movies Play Store เอาเข้าจริง Google กลับมีน้อยกว่าที่คาดคิดนะครับ หนังคุณภาพเยี่ยม และเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์อย่าง Toy Story หรือ Terminator 2 กลับไม่มีให้ซื้อ ส่วนฝั่ง iTunes บางเรื่องที่ค่อนข้างเก่า หรือเป็นหนังนอกกระแสไปเลย ก็จะไม่มีให้ซื้อ

Price

ข้อเปรียบเทียบอย่างสุดท้ายสำหรับผู้บริโภคเพื่อวัดว่า หนังจาก Store ไหนน่าซื้อกว่ากัน อยู่ที่ราคาครับ ผมเชื่อว่า หลายคนคงเป็นแบบนี้ครับ ต่อให้หนังที่อยากซื้อมันน่าดูมากแค่ไหน แต่ถ้าราคามันแพงเกินรับไหว ก็คงไม่ซื้อเหมือนกัน สำหรับหนังของทั้ง 2 Store นี้ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ เช่า (Rent) และซื้อ (Buy) 2 แบบที่ว่านี้ก็จะแยกไปอีกว่า เป็น HD หรือ SD

เมื่อนำราคาไปเทียบกันแล้ว โดยเฉลี่ยแล้ว ตรงนี้ไม่ค่อยต่างกันมากนักครับ บางเรื่อง Apple ทำราคาถูกกว่า แต่บางเรื่องราคาของ Movies Play Store น่าคบหากว่า

เช่นกันในเรื่องของ Subtitles ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับภาษาไทยอยู่แล้ว แต่ว่าภาพยนตร์บางเรื่องก็จะไม่มีให้ ดังนั้นแล้วก่อนซื้อลองสังเกตดูก่อนก็แล้วกันนะครับว่า เรื่องที่เราหมายปองอยู่ มันมีซับมาให้หรือไม่ แต่หากใครไม่กังวลเรื่องนี้ ก็ข้ามไปได้เลย

เมื่อขมวดทุกอย่างเข้าด้วยกัน เห็นได้ว่า ชีวิต Digital เริ่มขยับเข้าใกล้เรามากขึ้น แม้แต่สิ่งที่เป็นความบันเทิง หากสิ่งใดเป็นสิ่งที่สะดวก ก็คงเลือกสิ่งนั้น แม้ว่าสิ่งนั้นมันจะเป็น Digital หรือ Analog เพราะบางทีชีวิตเราอาจต้องมีส่วนผสมที่แตกต่างกันในการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขครับ