Galaxy S6 Review Part 1: วิพากษ์งานดีไซน์และอินเตอร์เฟส

Untitled-2

ก่อนเปิดตัวผมติดตามข่าว Galaxy S6 ค่อนข้างต่อเนื่องมากกว่าทุกๆ ปี อาจเพราะด้วย Galaxy S5 ค่อนข้างน่าผิดหวัง อย่างน้อยๆ ก็ผมละคนหนึ่ง ทำให้การติดตามข่าวเกี่ยวกับแฟลกชิปรุ่นนี้ถือเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยว่าจะมีสิ่งที่น่าสนใจใดเพิ่มบ้าง

สำหรับ Galaxy S6 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่หกในซีรีส์ Galaxy S ซึ่งเป็นรุ่นชูโรงให้แก่ซัมซุงอย่างต่อเนื่อง ตลอดหกปี ผมคิดว่าซัมซุงต้องเผชิญกับเรื่องน่ายินดีจาก Galaxy S, Galaxy S II หรือ Galaxy S III และอาจเฟลที่สุดจาก Galaxy S5 ฉะนั้นสเปกเครื่องที่มาใหม่ ฟีเจอร์การใช้งาน Galaxy S6 สำคัญพอๆ กับการลุ้นว่า จะกู้ชื่อเสียง
ไดอย่างไร

บทความ Samsung Galaxy S6 ผมจะเขียนเป็นตอนเพื่ออธิบายถึงแฟลกชิปรุ่นใหม่นี้ในหลากมิติที่สุด เพื่อหาข้อสรุปว่า Galaxy S6 เป็นของจริงหรือไม่ในปี 2015

Galaxy S6 เป็นรุ่นแรกในตระกูล Galaxy S ที่มาพร้อมกับวัสดุที่พรีเมียมที่สุด อานิสงส์หลักคิดว่าคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ความพรีเมียมได้ประเดิมถือกำเนิดจาก Galaxy Alpha ก่อนที่จะค่อยๆ ปรับรูปทรงและหน้าตาในรุ่นถัดมา เช่น Galaxy Note 4 และ Galaxy A Series

ผมหยิบ Galaxy S6 ออกมาจากกล่องสิ่งที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรกนั่นคือ ความน่าใช้ ทันทีที่มันถูกหยิบออกมาจากกล่องได้สูดสัมผัสกับอากาศอันร้อนระอุของเมืองไทย ความน่าใช้ของ Galaxy S6 ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันมาจากความพรีเมียมของชิ้นงานเอง งานอลูมิเนียมที่อยู่รอบกรอบตัวเครื่อง เล่นความสวยงามด้วยความเว้าความโค้งจากทั้งสี่มุม แอบมีลูกเล่นนิดๆ ตรงด้านข้างซ้ายและขวา ที่ขัดผิววัสดุให้เรียบยาว ขณะเดียวกันด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่องซัมซุงได้เลือกใช้กระจกเพื่อให้สัมผัสของมือจากด้านหลังและตัวเครื่องกับความรู้สึกของผู้ใช้ดีที่สุด

อย่างไรก็ดีเพื่อซื่อสัตย์ต่อความคิด ผมรู้สึกว่า Galaxy S6 มีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟนในตลาดที่เคยเปิดตัวก่อนหน้านี้อย่างน้อยสองรุ่นด้วยกัน นั่นคือ iPhone 6 จากบริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับพอร์ทไมโครยูเอสบี ลำโพง และช่องเสียบหูฟัง เท่าที่ผมลองพูดคุยกับคนนอกวงการ กล่าวคือเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้สันทัดทางเทคโนโลยีหรือแก๊ดเจ๊ตมากนัก แน่นอนว่าไม่อาจนำไปอ้างอิงจริงได้ ค่อนข้างออกมาตรงกันว่า มีจุดที่ไม่ชอบ Galaxy S6 ตรงที่รุ่นนี้ไม่สามารถถอดฝาหลังได้อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังไม่คุ้นชินกับการถอดใส่ซิมด้วยเข็มจิ้มซิม ไปจนถึงขนาดของตัวเครื่องที่ถูกจำกัดด้วยขนาดที่กำหนดโดยพื้นฐานจากโรงงาน 32GB 64GB และ 128GB ทำให้ขนาดความจุของตัวเครื่องที่ใช้งานจริงจะถูกจำกัด ไม่อาจเพิ่มด้วยการ์ดไมโครเอสดีการ์ด

ส่วนเส้นสีขาวขุ่นที่ถูกบากเอาไว้ ก็คล้ายกับลายด้านหลังของ iPhone 6 ส่วนด้านหลังตัวเครื่องอาจไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่สัมผัสคล้ายกับ Nexus 4 สมาร์ทโฟน Pure Google อีกรุ่นหนึ่งที่ใช้วัสดุที่เป็นกระจก แต่ผมก็คงต้องดีเฟนด์ Galaxy S6 เหมือนกันตรงที่ว่า แม้ตัวเครื่องจะเป็นสีขาวแต่เพราะความเงา และคุณภาพกระจกจึงทำให้แทบไม่เห็นเป็นรอยนิ้วมือเท่าใดนัก ซึ่งต่างจาก Nexus 4 ที่มีรอยนิ้วมือให้เห็นค่อนข้างง่าย

เมื่อผมสำรวจโดยรอบของตัวเครื่องแล้ว สิ่งที่ผมคิดประการต่อมาว่า เมื่อเทียบระหว่าง Galaxy S5 และ Galaxy S6 มีสิ่งใดที่เหมือนกันบ้าง แล้วสิ่งใดคือสิ่งที่ผมชอบในรุ่นนั้น สิ่งที่เหลือผมคิดว่า คงเป็นขนาดหน้าจอ 5.1 นิ้ว ที่ถือว่าเป็นขนาดหน้าจอที่น่าจะพอเหมาะกับผู้ใช้ทุกกลุ่ม กล่าวคือ ขนาด 5.1 นิ้ว (ความละเอียด QHD, 1440 x 2560 พิกเซล) ไม่ใหญ่มากนักหากเทียบกับไซส์สมาร์ทโฟนในตลาดปัจจุบัน อีกอย่างคือการออกแบบที่ปรับให้ช่วงบนและช่วงล่างไม่ใหญ่เกินไป ทำให้ตัวเครื่องดูมีความสูงไม่มากนัก เช่นกันกับด้านขอบจอทางซ้ายและขวาที่เกือบจะติดกับขอบตัวเครื่องแล้ว นั่นจึงทำให้ Galaxy S6 ไม่ดูใหญ่เกินมือหากเป็นสุภาพสตรี

และเพื่อให้บทความชิ้นแรกที่จะเขียนถึง Galaxy S6 ไม่ยาวไปกว่านี้ ผมขอพูดถึงอินเตอร์เฟสเป็นอย่างสุดท้าย อย่างที่ทราบโลกแห่งแอนดรอยด์เวลานี้ขยับมาที่หมายเลขที่ 5 พร้อมรหัสส่วนตัว Lollipop ซึ่งระยะหลังกูเกิลเองค่อนข้างที่จะวางมาตรการและมาตรฐานของแอนดรอยด์ให้มีความกระชับมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้สิ่งที่เห็นใน Galaxy S6 เป็นไปในทรงที่กูเกิลต้องการ เช่น อินเตอร์เฟสแบนๆ สไตล์ material ไอคอนของแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยซัมซุงและกูเกิลจะเป็นไปในแบบไม่มีขอบ เน้นให้ไอคอนกลืนไปกับพื้นหลัง พร้อมการตอบสนองที่ค่อนข้างลื่นไหล

ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือใน Galaxy S6 มีการปรากฏผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟท์ถึงสองชิ้น (ประกอบไปด้วย OneDrive และ Skype) อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมประหลาดใจที่สุด นั่นคือการหายไปของคำสั่งในการจัดเรียงแอปพลิเคชันในหน้า App Drawer เหลือเพียงแค่คำสั่ง uninstall app เท่านั้น

และทั้งหมดนี้คือ บทรีวิว Galaxy S6 ในส่วนแรกครับ รอติดตามชมตอนต่อไปครับ