Lazada

Galaxy Note 5 Review: ไอเดียดีๆ เกิดขึ้นได้บนปลายปากกา

Note-5-Review

มันมาก่อนกาล! นี่คือสิ่งแรกที่อยากบอกหลังสัมผัส Galaxy Note 5 ซึ่งปีนี้เปิดตัวเร็วกว่าทุกๆ ปี อันที่จริง Note ซีรีส์ เป็นตระกูลสมาร์ทโฟนที่ผมชอบมากที่สุด เพราะตัว Note มีจุดเด่นที่ชัดเจนเอามากๆ นั่นคือ S Pen

S Pen เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีการพัฒนาความสามารถดีขึ้นเรื่อยๆ จากนับตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือ การใช้งาน S Pen ที่เริ่มมีความใกล้เคียงกับปากกา-ดินสอมากขึ้นเรื่อยๆ การตอบสนอง การทำงาน เสริมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ลงตัว น่าใช้ และสมจริง เป็นจุดขายที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ดีงานดีไซน์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก Galaxy Alpha, Galaxy S6 edge  เรื่อยมาถึง Galaxy Note 5 ความสวยงาม ความหรูหรา เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แม้จะมีความน่าตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างว่า มีความคล้ายคลึง iPhone 6 เกินไปก็ตาม

First Impression

Note-5_1

Galaxy Note 5 ถูกแปะป้ายว่า เป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่มแฟ็บเล็ต แต่ค่อนข้างน่าสนใจว่า ดีไซน์ของตัวเครื่องสามารถปรับเปลี่ยนให้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทั้งที่ขนาดอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 5.7 นิ้ว หากลองเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ จะพบอย่างชัดเจนเลยว่า มีขนาดที่เล็กกว่ากันมาก

ที่น่าสนใจก็คือ ส่วนโค้งที่อยู่ตรงด้านหลัง หะแรกตอนที่ Galaxy Note edge เปิดตัว รวมไปถึง Galaxy S6 edge ผมไม่ใคร่คิดว่า ความโค้งที่อยู่ด้านหน้าจะส่งผลสำคัญต่อการใช้งานมากนัก เพราะจวบจนถึงทุกวันนี้ยังหาเหตุผลดีๆ ที่มีขอบความโค้งอยู่ด้านหน้า แต่หากเป็นด้านหลังผมคิดว่า น่าจะทำให้อุ้งมือกับส่วนโค้งที่อยู่ด้านหลังสามารถผสมผสานกันลงตัว ส่วนงานดีไซน์ก็เหมือนที่บอกว่าจะได้รับอิทธิพลจาก Galaxy S6 รวมถึงวัตถุดิบในการผลิตที่เป็นเมทัลจาก Galaxy Alpha ที่ช่วยทำให้ตัวเครื่องหรูหราขึ้น

พร้อมกันนี้ S Pen แบบนี้ที่เป็นลักษณะกดจากด้านบนปากกาแล้วค่อยดึงออกมา ก็เป็นสิ่งที่คิดว่า โอเคกว่า Note รุ่นก่อนๆ เวลาจะดึง S Pen มาใช้แต่ละที ต้องแงะออกมา สุภาพสตรีหลายท่านที่ใช้ Note ก็เคยบ่นให้ผมได้ยินเนืองๆ ว่า กลัวเล็บที่ทำมาจะหัก จะถลอก คราวนี้ Note 5 น่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ขึ้น

สิ่งที่มาใหม่ใน Galaxy Note 5

อย่างที่ทราบกันดีว่ามือถือเรือธงของซัมซุงหลายรุ่นก่อนหน้านี้ อาทิ Galaxy S5, Galaxy Alpha, Galaxy Note 4 มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือ แต่ทว่าใช้งานยากมาก

Note-5-review-2
ตอนนี้สบายใจได้แล้วครับ เพราะ Galaxy Note 5 มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือแล้ว ซึ่งโอเคมากว่า เป็นระบบสแกนลายนิ้วมือเฉกเช่นเดียวกับ Galaxy S6  ไม่ใช่แบบ S5 ที่ต้องรูดลงมา (เพื่ออะไร?) การสแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าใช้งานเครื่องจึงทำได้รวดเร็วเอามากๆ ซึ่งการสแกนลายนิ้วมือ ผมคิดว่า ควรจะใช้แค่สองนิ้วจะดีกว่า เพื่อการสแกนที่มีประสิทธิภาพ

ต่อมาคือ S Pen ที่มีการอัปเดทความสามารถน่าสนใจอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การเขียนข้อความบนหน้าจอได้โดยที่หน้าจอยังดำมืดก็ตาม (off screen mode) ตรงนี้ถือว่าดีนะครับ บางทีเวลามีไอเดียแล่นผ่านเข้าสมองอย่างปัจจุบันทันด่วนเราสามารถบันทึกไอเดียนั้นไว้ทันท่วงที ตรงนี้เป็นประโยชน์มากๆ เพราะจากประสบการณ์ตรงคือ ถ้าหากไม่จดความคิดที่ลอยละล่องในห้วงเวลานั้น ในกาลต่อมาก็จะลืมและไม่หวนกลับมาอีกเลย

พร้อมกันนี้ Air Command ใน S Pen จะมาพร้อมกับ Shortcuts ที่ผู้ใช้อย่างเราสามารถเพิ่มแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยๆ แล้วเรียกผ่าน S Pen ได้เลย คือตรงนี้ผมยังชอบ Android กว่า iOS เพราะการ “แชร์” ฝั่งแอนดรอยด์มีทางเลือกให้แชร์ไปยังทุกๆ แอปพลิเคชันได้ แต่ iOS ยังมีจำกัดอย่างมากว่าจะแชร์ลงแอปที่ถูกกำหนดเท่านั้น พูดถึงการแชร์แล้วหลายๆ ครั้งการแชร์ภาพที่แชร์ไปยังเพื่อนๆ ในกรุ๊ปแชตจะมีข้อดีตรงที่เราสามารถเขียนโน้ตลงภาพที่แคปเจอร์ เพื่อเน้น-ระบุข้อความแก่ผู้รับภาพปลายทางให้มีความชัดเจนขึ้น แถมใน Note 5 นี้ยังมีฟังก์ชันที่สามารถแคปหน้าจอกรณีที่ข้อความยาวเกินกว่าหน้าจอ (ดูตัวอย่างได้ที่หัวข้อแบตเตอรี)

Galaxy_Note5_0007

พูดถึงฟังก์ชันไปแล้ว คราวนี้ต้องพูดถึงตัว S Pen แบบที่จับต้องได้บ้าง รอบนี้ S Pen เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ก็คือ การใช้งานรอบนี้ผู้ใช้ไม่ต้อง ‘แงะ’ แล้วครับ แต่ใช้วิธีการกดจากหัวแล้วดึงออกแทน

Note: อย่างไรก็ตามการใช้ S Pen Note 5 ยังต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าตัวเครื่องไม่รองรับเอาด้านหัวเสียบเข้าช่องเก็บ S Pen ได้ ซึ่งกรณีนี้ต้องส่งศูนย์เท่านั้น 

Learn More: แจ้งเตือนเสียบ Note 5 กลับด้าน มีสิทธิ์งานงอก

ส่วนตัวเครื่องก็ถือว่าใหม่เหมือนกันนะครับ เพราะถือเป็น Note รุ่นแรกที่เปลี่ยนวัสดุประกอบงานให้หรูหรา และดูมีราคาค่างวดขึ้นจากการดีไซน์ที่เน้นความโค้ง ซึ่งสอดรับกับอุ้งมือได้ดีทีเดียว

สิ่งที่หายไปจาก Galaxy Note 5

ถึงแม้ว่า Galaxy Note 5 จะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความน่าสนใจในหลากหลายประเด็น แต่ก็ถือว่ารุ่นนี้มีสิ่งที่ผมรู้สึกเสียดายในหลายประเด็น ขอจำแนกเป็นข้อๆ ดังนี้

Galaxy_Note4_8

microSD ช่องใส่การ์ดเพิ่มความจุถือเป็นจุดเด่นของแอนดรอยด์ในยุคแรกๆ กระทั่งในช่วงหลังเริ่มหายไป ความจุเครื่องกลายเป็นไปตามที่แบรนด์กำหนด ถึงกระนั้นแม้ช่อง microSD จะขาดหายไป ทว่า Note 5 รุ่นเริ่มต้นที่ 32GB ซึ่งดีกว่า iPhone เพราะฝั่ง Apple เริ่มต้นที่ 16GB ความจุเท่านี้ไม่เพียงพอแล้วต่อการใช้งานปัจจุบัน ทั้งราคาค่างวด Note 5 ยังถือว่าถูกกว่า iPhone

ต่อมาก็คือ แบตเตอรี สมาร์ทโฟนของซัมซุงก่อนหน้านี้ล้วนถอดแบตเตอรี เมื่อแบตเตอรีก้อนเดิมหมดลงหรือแบตเริ่มเสื่อม ทว่าตอนนี้ก็ไม่มีอีกแล้วก็ทำใจกันไป

สเปก

  • หน้าจอ : Super AMOLED, 5.7 นิ้ว, WQHD(QHD) (2560 x 1440 พิกเซล)
  • CPU Exynos 7420 Quad-core 1.5 GHz & Quad-core 2.1 GHz
  • RAM 4GB
  • Android 5.1 Lollipop
  • กล้อง หน้า 5 ล้านพิกเซล / หลัง 16 ล้านพิกเซล
  • หน่วยความจำภายใน : 32/64 GB
  • แบตเตอรี 3,000 mAh

Learn More: Note 5 Spec

สิทธิพิเศษ

ต้องยอมรับว่า กลยุทธ์การดึงร้านค้า ร้านอาหาร บริการต่างๆ มาผนวกเข้ากับสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจมากๆ เพราะจะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม หรือแม้แต่ฟรี โดยเฉพาะบริการอย่าง Galaxy Gift  ที่มีแคมเปญน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม Galaxy Gift เป็นสิ่งที่หลายท่านน่าจะพอทราบดีอยู่แล้ว แต่ที่อยากนำเสนอเพิ่มเติมคือ ในส่วน Galaxy Apps Essentials ส่วนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไร เพราะมีแค่แอปพลิเคชัน ซึ่งเราสามารถเข้าถึงผ่าน Play Store ได้อยู่แล้ว

แต่ตรงนี้มีบางสิ่งที่ไม่มีใน Play Store ให้เราได้ติดตามอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ชอบติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นภายในโลก ผ่านนิตยสารและหนังสือพิมพ์ระดับโลกอย่าง The Economist และ NYTimes ซึ่งตรงนี้ทำให้เราสามารถอ่าน The Economist และ NYTimes ฟรีต่อเนื่องนานถึง 6 เดือน ผ่าน Galaxy Note 5 ทำให้การอัปเดทข่าวสารสามารถเป็นไปอย่างทันสมัยไม่ตกยุคอย่างแน่นอน

อีกทั้งด้วยรุ่นนี้เป็น Galaxy Note 5 จึงยังมีแอปพลิเคชันที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี เพื่อรองรับกับการใช้งาน Note 5 ได้อย่างราบรื่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Autodesk SketchBook ซึ่งเป็นตัวเต็มใช้งานฟรี  นอกจากนี้ก็ยังมีแอป ArtRage ที่จะช่วยรังสรรค์ผลงานศิลปะผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้การใช้งาน Note 5 สนุกขึ้น

กล้อง

Note 5 cam

ฟังก์ชันสำคัญของคนใช้สมาร์ทโฟนทั่วไป ใน Note 5 เท่าที่ทราบคือใช้เซ็นเซอร์เดียวกับ Galaxy S6 ทำให้ภาพที่ได้จะไม่ต่างกันมาก ตัวกล้องมีมาทั้งแฟลชคู่, OIS พร้อมด้วยกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลเป็นส่วนเติมเต็มในการถ่าย Selfie ซึ่งการ Selfie ตรงนี้ก็จะดึงการใช้คำสั่งเสียงเข้ามาด้วย ทำให้การ Selfie ทำได้ง่ายขึ้น ทั้งคำสั่ง Capture, Smile 

ที่น่าสนใจคือ ในเมนูกล้องสามารถบันทึกไฟล์ RAW ได้ เพิ่มโหมดถ่ายสไตล์โมชันที่มีให้เลือกว่าจะเอา Fast Motion-Slow Motion ไปจนถึง Pro Mode ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา

Learn More: ตัวอย่างภาพถ่าย Galaxy Note 5 ในสภาวะแสงน้อย

แต่ที่น่าจะถูกใจสำหรับคนทำแชนแนลบน YouTube นั่นคือ Note 5 จะมีโหมดถ่ายวิดีโอที่เรียกว่า Live Broadcast อันนี้น่าสนใจมากครับ

Learn More: เปรียบเทียบภาพ Note 5 v S6 edge

แบตเตอรี

Note-5_3

จะว่าไปสมาร์ทโฟนช่วงหลังๆ มีขนาดแบตเตอรีที่มากขึ้น ทำให้การใช้งานในหนึ่งวันมีความเป็นไปได้มากขึ้น แต่ก็นั่นแหละครับทุกๆ ครั้งที่ผมใช้สมาร์ทโฟนสิ่งแรกที่จะทำคือ ปรับหน้าจอให้เป็น Auto พร้อมใช้แสงหน้าจอน้อยๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการประหยัดแบตเตอรี อีกทั้งเป็นการันตีด้วยว่า แบตเตอรีไม่หมดจนถูกทิ้งไว้กลางทางแน่ๆ

สำหรับไลฟ์สไตล์การใช้งานของผมกับ Note 5 ก็จะมีทวิตเตอร์ แชตผ่านแอปเทเลแกรม ใช้แอป Mindly ในการทำแผนที่ความคิด (แอป Telegram และ Mindly จะแนะนำในลำดับถัดไป) ดู TED-Vimeo-YouTube, ถ่ายภาพ, อ่านอีบุ๊ก-อ่านข่า วเหล่านี้ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานหนึ่งวันครับ และยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า แทบไม่ต้องเปิดใช้ Power Saving Mode เลยระหว่างการใช้งาน Note 5

อย่างไรก็ดี ต้องขอประทานโทษอย่างหนึ่งว่า ระหว่างการรีวิวผมไม่ได้สายชาร์จและอแดปเตอร์ของ Note 5 จึงทำให้ไม่สามารถบอกระยะเวลาการชาร์จเต็มที่ต่อครั้งได้ครับ

สรุป

Galaxy_Note5_0006

ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า การเลือกซื้อ Galaxy Note ควรจะเลือกซื้อเฉพาะรุ่นเลขคู่ แต่จากที่ลองใช้งาน Note 5 รอบนี้ถือว่า เป็นสมาร์ทโฟนทึ่น่าสนใจอย่างมาก ในแง่นี้ผมชื่นชอบซีรีส์ Note มากกว่าซีรีส์ S (เช่น Galaxy S6) เป็นทุนเดิม เพราะเมื่อฟังก์ชันต่างๆ ที่มีมาจากซีรีส์ S ไหลลงมาถึงซีรีส์ Note หลายสิ่งหลายอย่างที่มียังไม่เข้ารูปเข้ารอยจะลงตัวขึ้นอย่างมากในซีรีส์ Note

สำหรับ Note 5 มีความน่าพึงพอใจในหลายด้านตั้งแต่งานดีไซน์ที่ยอมรับว่า สวย (แม้โดยพื้นฐานจะใกล้เคียงกับ iPhone ก็ตาม) ฟังก์ชันการใช้งานสามารถใช้งานได้จริง การตอบสนองของ S Pen ทำได้เร็วขึ้น แม้จะยังไม่ใกล้เคียงถึงขนาดการเขียนปากกาลงสมุด แต่การตอบสนองของ Note 5 ทำได้ใกล้เคียงมากๆ แล้ว แถมยังมีจุดเด่นตรงที่มันเป็นหน้ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์จึงทำให้หน้ากระดาษไร้ขีดจำกัด ไม่ต้องกังวลถึงหน้ากระดาษจะหมดระหว่างการจดบันทึก

อย่างไรก็ตาม Galaxy Note 5 ก็ได้ทำสิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุด เช่น ฝาหลังด้านหลังที่ถูกปิดตายเปิดไม่ได้อีกต่อไป รวมไปถึงการเพิ่มความจุด้วย microSD ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของฝั่งแอนดรอยด์ก็มลายหายไป จนไม่แน่ว่าแอนดรอยด์สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปอาจไม่มีอีกต่อไปแล้วก็ได้……..ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน!