ก่อนหน้านี้รีวิว Zenfone 4 ให้ชมกันไป ในบทความนี้ก็ถือทีของรุ่นพี่บ้าง นั่นคือ Zenfone 5 ก่อนพูดถึงตัวเครื่อง ผมขอชี้แจ้งข้อมูลก่อนละกันครับ ในบทความนี้เครื่องที่ใช้รีวิวเป็น Zenfone 5 โมเดลไตหวัน (เครื่องนอก) แม้หน้าตาเหมือนกับรุ่นที่ขายในไทย แต่สเปกภายในแตกต่างกันนิดหน่อย
โดย Zenfone 5 เครื่องที่ขายในไทยจะเป็นใช้ซีพียู Intel Z2560 ความเร็ว 1.6GHz, รอม 8GB, แรม 2GB เครื่องไตหวัน ซีพียู Intel Z2580 ความเร็ว 2.0 GHz, รอม 16 GB, แรม 2GB เช่นกัน ส่วนสเปกอื่นๆก็เหมือนกันครับ จึงแจ้งไว้ก่อน เพราะบางท่านอาจจะใช้อ้างอิงในการซื้อเครื่องศูนย์ไทย (คิดว่าในแง่การใช้งานคงไม่แตกต่างกันครับ)
ส่วนเหตุผลที่ผมเลือกซื้อเครื่องนอก ประเด็นแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องสเปกครับ ได้สเปกสูงกว่าในราคาใกล้เคียงกัน ประเด็นต่อมาคือหาซื้อง่ายกว่า
Zenfone 5 ที่ขายในไทยจะมีด้วยกันสองโมเดล คือ Zenfone 5 แรม 1GB ราคา 4,990 บาท และ Zenfone 5 แรม 2GB ราคา 5,990 บาท ทั้งสองโมเดลหาซื้อยากพอๆกัน ยิ่งเป็นต่างจังหวัดยิ่งหายาก โดยคู่แข็งของรุ่นนี้คือ Huawei honor 3C สเปกใกล้เคียงกัน แต่ honor 3C แพงกว่า (เปรียบเทียบสเปก honor 3C กับ Zenfone 5)
ข้อมูลสเปก Zenfone 5
- หน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล
- กระจก Gorilla Glass 3
- รองรับการสัมผัสแม้จะใส่ถุงมือ (glove touch input)
- ซีพียู Intel Atom Z2580 2.0 GHz dual-core จำนวน 4 thread
- แรม 2GB
- รอม 8/16 GB เพิ่ม microSD ได้
- กล้องหลัง 8 ล้าน, มี Auto focus, LED flash, ฟีเจอร์ PixelMaster
- ถ่ายวีดีโอ 1080p@30fps
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- รัน Android 4.3 (Jelly Bean) อัพเป็น Android 4.4 ได้
- รองรับ 3G 850/900/2100
- รองรับ 2 ซิม
- แบต Li-Po 2100 mAh
Zenfone 5 เป็นมือถือราคาต่ำกว่าหมื่นที่สเปกแรงมากๆ อย่างทีมงาน Mobiledista ของเราก็ซื้อมาถึง 2 เครื่องเลย รุ่นนี้เป็นหน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720 x 1280 พิกเซล พร้อมด้วยกระจก Gorilla Glass 3 นอกจากนั้นยังรองรับการสัมผัสขณะใส่ถุงมือ (glove touch input), มีไฟแจ้งเตือน (LED Notification), กล้องหน้าให้มา 2 ล้านพิกเซล มีโหมดหน้าเนียน ตาโต คางเรียวมาให้, ส่วนปุ่มเป้นแบบสัมผัสจำนวน 3 ปุ่ม น่าเสียดายที่ไม่มีไฟ LED ตรงปุ่มมาให้ เวลาใช้งานที่มืดจะลำบากนิดนึง
นอกจากนั้น Zenfone 5 ยังมีฟังกืชั่นที่มือถือราคาแพงๆ มี อาทิ ฟังก์สำหรับการอ่านมาให้ (ช่วยถน่อมสายตา) เมื่อเปิดดฟังก์ชั่นนี้สีของหหน้าจอจะออกโทนสีเหลือง สามารถเลือกได้ว่าจะเอาโทนสีที่เหมาะกับการอ่านนานๆ หรือเอาโทนสีที่เหมาะกับการดูภาพและอ่านตัวหนังสือไปพร้อมกัน, ฟังก์ชั่นแชร์หน้าจอผ่าน Miracast, รองรับ Filp Cover (สามารถแสดงหน้าจอขนาดเล็กได้)
ตัวเครื่องหนา 10.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 140 กรัม ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power และปุ่มเพิ่มและลดเสียง (ปุ่มเพิ่ม ลดเสียงใช้เป็นปุ่มซัตเตอร์ได้)
ด้านซ้ายเป็นช่องสำหรับแกะฝาหลัง
ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องต่อ micro USB และไมโครโฟน
ด้านบนเป็นช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. ในกล่องแถมหูฟังมาให้ (Zenfone 4 ไม่แถมหูฟัง) และไมโครโฟนตัวที่สอง (สำหรับตัดเสียงรบกวน)
ตัวเครื่องเป็นพลาสติกทั้งหมด งานประกอบและวัสดุดูดีครับ ออกเงาหน่อยๆ ก็สวยไปอีกแบบ (ผิวไม่ด้านนะ) กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED, เซ็นเซอร์ BSI, รูรับแสง f/2.0 มาพร้อมเทคโนโลยี PixelMaster ช่วยให้ภาพที่ถ่ายในที่แสงน้อยสว่างขึ้น 400% ลดความหยาบของภาพ และยังเพิ่มสีสันค่าคอนทราสมากถึง 200%
รุ่นนี้สามารถแกะฝาหลังได้ เพิ่ม microSD ได้ แต่ไม่สามารถถอดแบตได้ แบตเตอรี่่ให้มา 2110 mAh การใช้งานจริงเกือบไม่เพียงพอสำหรับ 1 วัน แนะนำให้พก Power Bank เพราะกินแบตพอสมควร แบตหมดไวมาก โโยเฉพาะเวลาใช้งานหนัก เปิด 3G หรือเล่นเกมจะหมดไวมาก
Zenfone 5 รองรับ 2 ซิม ใช้ micro SIM ทั้งคู่ ถอดซิมโดยไม่ต้องถอดแบต และรองรับ 3G ทุกกคลื่น ทั้ง 850/900/2100 รองรับ 3G ทั้งสองซิม แต่ใช้ 3G ได้ทีละซิม ถ้าเปิดใช้งาน 3G ซิมหนึ่ง ซิมสองจะใช้ได้แค่ 2G อัตโนมัติ
Zenfone 5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean ตามกำหนดการที่ Asus ประกาศออกมา รุ่นนี้จะได้รับอัพเกรดเป็น Android 4.4 Kitkat ช่วงเดือนกรกฏาคมนี้ ในช่วงแรกที่ผมใช้งานมีปัญหาเรื่อง Wi-Fi หลุดบ่อยมาก ทาง Asus ได้ปล่อยอัพเดทออกมาแก้ไขปัญหาดังกล่างเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีปัญหา Wi-Fi หลุดบ้าง แต่น้อยกว่าเดิมครับ
อินเตอร์เฟส ASUS ZenUI ที่ Asus พัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยออกแบบเน้นในการใช้งาน เรียบง่าย ลดความซับซ้อน ที่สำคัญในแง่การใช้งานยังลื่นไหล ตอบสนองไว สลับแอพไปมาลื่นมาก ความรู้สึกตอนแรก ที่ได้ลองใช้งานประทับใจมาก จากที่คิดว่าจะซ์้อมารีวิวเฉยๆ เปลี่ยนเป็นรีวิวเสร็จก็ใช้ต่อเลย ไม่น่าเชื่อว่า Asus จะทำออกมาดีมาก แถมสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งด้วย
ระบบ Notification และ Toggle panel ที่สามารถเลือกเปิดและปิดคียลัดที่ต้องการได้ หลักการเรียกใช้งานก็เหมือนแอนดรอยด์ทั่วไป ลากจากบนลงล่าง ถ้าลากจากฝั่งซ้ายเป็นการเปิด Notification และลากฝั่งขวาเป็นการเปิด Toggle panel
สามารถตั้งค่าได้ว่าแอพพลิเคชั่นใมห่ๆ จะติดตั้งไว้ที่ไหน ในหน่วยความจำมือถถือหรือ microSD, มี Glove Mode เปิดถ้าต้องการให้ใช้งานในขณะะส่วมถุงมือ, รองรับ Flip Cover ก่อนใช้งานก้ต้องเปิดฟังก์ชั่นนี้ก่อน
เมนูตั้งค่าสำหรับการใช้งาน 2 ซิม, สามารถใช้งาน 3G ได้ทั้ง 2 ซิม แต่ใช้งานได้่ทีละซิม ตั้งค่าได้ที่เมนู Network mode เปิดใช้งาน 3G อีกซิมจะเป็น 2G ทันที
Easy mode คือโหมดสำหรับใช้งานอย่างง่าย เหมาะสำหรับเวลาขับรถ ไอคอนแอพจะใหญ่กว่าปกติ สามารถเลือกแอพที่ต้องการใช้งานเพิ่มได้
อย่างที่กล่าวไว้ตอนแรก รุ่นนี้แบตหมดเร็ว แบตไม่ค่อยอึด ถ้าชอบเล่นเกมก็คงต้องชาร์จบ่อยหน่อย มีโหมดประหยัดพลังงานมาให้
What’s Next ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับตารางนัดหมายต่างๆ ถ้าเราใส่สถานที่เข้าไป จะมีการพยากรณ์อากาศเข้ามาด้วย เป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นที่ผมชอบมาก ช่วยให้การจัดตารางนัดหมาย และการวางแผนเดินทางของผมสะดวกขึ้น สามารถลาก Widget มาไว้ที่ Home Screen เมื่อถึงเวลาก็มีแจ้งเตือนและแนะนำสภาพอากาศให้ด้วย ถ้าฝนตกก็มีแจ้งเตือนให้เราพกร่มด้วย
Do It Later เป็นแอพสำหรับคนที่ชอบพูดว่า เดี๋ยวค่อยทำ เวลาเจอเว็บน่าสนใจแต่ยังไม่อยากอ่านตอนนั้ก็เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยอ่าน แอพนี้จะช่วยตอบสนองคนชอบเดี๋ยวอย่างผม (น่าเสียดายที่ใช้ได้กับบางแอพเท่านั้น) เมื่อวางก็ตามอ่านทีหลัง เมื่ออ่านเสร็จรายการดังกล่าวก็จะหายไปทันที
ฟีเจอร์กล้อง
แม้จะไม่ใช่เรือธง แต่จัดเต็มมากชัตเตอร์ทำงานได้เร็วเลยทีเดียว กดแล้วถ่ายเลย สามารถแตะที่จอเพื่อเลือกจุดโฟกัส และมีการวัดแสงและปรับแสงเร็วเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังใส่ฟีเจอร์กล้องมาให้เพียบ 13 โหมด มีที่น่าสนใจหลายตัวเลย อาทิ Selfie ด้วยกล้องหลัง สามารถเลือกจำนวนได้ว่าจะถ่าย Selfie กี่คน (มากกว่า 4 คนก็ได้), Low Light การถ่ายภาพในที่แสงน้อย, Depth of field การถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, Smart Remove ลบคนที่เคลื่อนไหวออกจากภาพ, Time rewind ถ่ายภาพทีละหลายๆ ภาพ แล้วเลือกรูปภาพที่ดีที่สุด, Beautification โหมดถ่ายหน้าเนียน ตาโต คางเรียว
ทดสอบประสิทธิภาพคะแนนออกมาดูดีเลยทีเดียว สู้รุ่นท็อปได้แบบสบายๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Zenfone 5
แกลอรี่ Zenfone 5
กด Like เพจเพื่อติดตามข่าวสาร