Deus Ex: Mankind Divided Review – นี่คือเกม Action RPG ที่ต้องซื้อมาเล่น

Deus Ex- Mankind Divided

เมื่อพูดถึงซีรีส์เกมที่เพิ่งเปิดตัวและน่าจับตามองในเวลานี้ คงไม่พูดถึง Deus Ex: Mankind Divided ไม่ได้ ในฐานะเกมภาคต่อที่มีรูปแบบการเล่นที่น่าสนใจ

ก่อนหน้านี้ Deus Ex มีมาแล้วหลายภาค โดยตัวเกมเริ่มต้นวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2000 ในแพลตฟอร์ม PlayStation 2 และ PC ต่อจากนั้นก็มี Deus Ex: Invisible WarDeus Ex: Human RevolutionDeus Ex: The Fall เพียงแต่ว่า Deus Ex: Mankind Divided เป็นเนื้อหาที่มีมาก่อนภาคแรกที่เราเคยเล่นกัน

Deus Ex_ Mankind Divided

เมื่อพูดถึงเนื้อหาของซีรีส์เกม Deus ก็ถือว่า เป็นซีรีส์ที่มีความล้ำยุคเลยทีเดียว เพราะตัวเกมบอกเล่าเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ ก็คือ ในปี 2029 ซึ่งในเวลานั้นโลกของเราเป็นโลกที่มีการวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีถึงขีดสุด สามารถใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ในการสร้างอวัยวะเทียม แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ในมุมที่เป็นบวกเท่านั้น เพราะโลกในปี 2029 กลับมีการแบ่งฝักฝ่ายระหว่างมนุษย์แท้ และมนุษย์ที่มีร่างกายดัดแปลงด้วยเทคโนโลยี

ความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น เพราะเนื่องจากว่ามนุษย์ก็มีความเชื่อว่า มนุษย์ที่ได้รับการดัดแปลงอวัยวะบางส่วน ถือว่า ไม่มีความเป็นมนุษย์เทียบเท่ากับตัวเอง อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นที่ช่วยเสริมในการแบ่งแยกระหว่างมนุษย์ และไม่ใช่มนุษย์ ที่ผลิตออกมาในรูปแบบของสื่อ แนวคิดทางการเมือง กระทั่งทำให้เกิดกลุ่มก่อการร้ายรูปแบบใหม่ขึ้นมา

Deus Ex_ Mankind Divided

ภายในเกมเราจะได้รับบทเป็น Adam Jensen ซึ่งเป็นสายลับภายใต้สังกัด Task Force 29 โดยตัว Adam Jensen ถือเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่ผ่านการดัดแปลง ผ่าตัดนำเทคโนโลยีเข้ามาไว้ในร่างกาย ซึ่งอวัยวะดัดแปลงเหล่านี้ ถือเป็นอาวุธสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามของ Jensen ที่เราจะอัปเกรดอวัยวะเหล่านี้ได้ภายในเกม

ว่าไปแล้ว Deus Ex: Mankind Divided เป็นเกมที่ผสมผสานเกมหลากหลายแนวเข้ามารวมภายในเกมๆ เดียว ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเกมภาษา โดยที่ผู้เล่นสามารถเลือกตอบคำถาม (Cliack and Point) ที่ตัวละครในเกมถามเรา ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะตอบบทสนทนาดังกล่าวตามมุมมองและความเชื่อของผู้เล่นได้

Deus Ex_ Mankind Divided

ขณะเดียวกันตัวเกมก็ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นได้บู๊ ออกลีลาแอคชัน ผ่านอาวุธต่างๆ เช่นระเบิด อาวุธปืนนานาชนิด ไปจนถึงอาวุธดัดแปลงที่มาจากร่างกายของ Adam Jensen เช่น ใบมีดที่มาจากมือ

ทั้งนี้ตัวเกมยังได้ออกแบบการเล่นให้ผู้เล่นได้เลือกได้ด้วยว่า จะต้องการเล่นแบบบู๊ล้างผลาญ คือ เจอใครฆ่าหมด เอาปืน เอาอาวุธสาดไม่ยั้ง หรือเลือกที่จะเล่นแบบลอบเร้น (Stealth) ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ผมคิดว่า ตัวเกมพยายามจงใจให้ผู้เล่นต้องเล่นในรูปแบบบู๊ และลอบเร้น ทั้งสองอย่าง ไม่ได้มีอิสระที่จะเลือกว่า จะเล่นลอบเร้นอย่างเดียว หรือจะบู๊เอาอย่างเดียว

สิ่งที่น่าสนใจในการเล่น Deus Ex: Mankind Divided นอกจากการเล่นแบบลอบฆ่า หรือบู๊ มันยังมีเรื่องของการนำเอาเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยอย่างเช่นการแฮก (Hack) เข้ามาในเกม

Deus Ex_ Mankind Divided

โดยการแฮกที่ว่านี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญมากของเกม เพราะข้อมูล หรือรายละเอียดสำคัญๆ จะต้องมาจากแฮกทั้งนั้น ซึ่งการแฮกจะมีทั้งแฮกจากคอมพิวเตอร์ แฮกจากลายนิ้วมือ และประตูต่างๆ

ตรงนี้ต้องชื่นชมทีมผู้สร้างอย่าง EIDOS MONTREAL เป็นอย่างมากที่สามารถสร้างสรรค์ Gam Play ได้ดี จนทำให้เรารู้สึกว่า เราเป็นสายลับที่มีความเป็นสายลับจริงๆ

พร้อมกันนี้ยังมีสิ่งที่น่าชื่นชมก็คือ การพัฒนาเกมที่ผู้เล่นสามารถออกแบบสไตล์การเล่น ได้โดยที่สามารถเลือกได้ว่า จะฆ่า หรือไม่ฆ่า ศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งผมก็เคยลองเล่นแบบไม่ฆ่าใครเลยในภารกิจนั้น ก็สามารถทำได้ครับ เพราะตัวเกมมีออปชันให้เลือกในการโจมตีศัตรูให้สลบ เลือกใช้อาวุธปืนไฟฟ้า ไปจนถึงกระสุนปืนยาสลบ ถือว่าเป็นอีกมิติหนึ่งในวงการเกม

เท่าที่ได้ลองเล่นมา ตัวเกมถือว่าทำได้ดี แทบไม่มีข้อเสียอะไรที่เห็นได้ชัด ยกเว้น เรื่องของ Frame Rate ที่มีตกลงไปบ้างในฉากที่ต้องมีการประมวลกราฟิกเยอะๆ

Deus Ex_ Mankind Divided

อีกเหตุผลหนึ่งก็คงเป็นในเรื่องของมุมมองในการเล่น ซึ่งผมคิดว่าเกมที่ต้องใช้รูปแบบที่เน้นลอบเร้น (Stealth Kill) และมีการบู๊ในเวลาเดียวกัน ควรที่จะมีมุมมองการเล่นแบบที่เป็นบุคคลที่ 3 มากกว่าบุคคลที่ 1 ซึ่งในรูปแบบการเล่นแบบบุคคลที่หนึ่ง จะทำให้ผู้เล่นต้องปรับตัวค่อนข้างมากในเล่นเกมนี้ ว่าจังหวะไหนควรบู๊ จังหวะไหนควรหลบ

สรุป

Deus Ex_ Mankind Divided

ในความเห็นผมแล้ว Deus Ex: Mankind Divided ถ้าใครเป็นแฟนคลับของเกมซีรีส์นี้อยู่แล้ว ก็น่าที่จะซื้อหาเป็นเจ้าของไม่น้อย เพราะตัวเกมมีการออกแบบหลายอย่างได้ดี เช่น ตัวละคร อาวุธ และรูปแบบการเล่น

แต่สิ่งที่ผมยังออกจะสงสัยอยู่ก็คือ เนื้อหาในส่วนที่เป็น Click and Point นั้น จะส่งผลต่อเนื้อหาจริงๆ หรือไม่ ยังไม่ทราบ เพราะว่าถ้าหากเป็นเกมแนว Click and Point เช่น Mass Effect, Dragon Age หรือ The Wolf Among Us การตอบคำถามของผู้เล่นต่อตัวละคร จะมีความชัดเจนว่าส่งผลต่อเนื้อหาภายหลัง รวมถึงการมีข้อความบอกว่า การตอบคำถามของเราจะถูกบันทึกในความจำของตัวละครนั้นๆ

ส่วนข้อเสียของเกมคือ เนื่องจากพื้นฐานของตัวเกมมาจากเกมภาษา จึงทำให้การออกแบบการต่อสู้ ฉากแอคชัน หรือการบังคับต่างๆ ทำได้ไม่ดีเท่าเกมแอคชันเกมอื่นๆ เช่น Metal Gear Solid V: The Phantom Pain เป็นต้น

แต่โดยรวมถือได้ว่า เป็นเกมที่คุ้มค่าแก่การเสียเงินครับ