รีวิว LG Optimus G: มือถือที่สวยนอก หล่อใน

มาแว้วๆ สำหรับใครที่รอการรีวิวของเจ้า LG Optimus G รุ่นเรือธงของค่าย LG มือถือสายพันธุ์เกาหลีของเรานั่นเอง หลายคนอ่านจั่วหัวเรื่องมาแล้วไม่ต้องตกใจ ว่าทำไมผมถึงบอกว่า Optimus G นั้นเป็นมือถือที่ “สวยนอก หล่อใน” เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ก่อนหน้านี้ทาง LG ได้ออกรุ่นพี่อย่าง Nexus 4 ออกมา ซึ่งก็ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย มาถึงรุ่นนี้ต้องบอกว่าความหวือหวา วูบวาบอาจจะน้อยกว่าเล็กน้อย แต่ด้วยดีไซน์ที่คล้ายคลึงกันนั้น ทำให้ยังคงความรู้สึกประทับใจเมื่อได้สัมผัสครั้งแรกอยู่ (ถึงแม้จะไม่เหมือนรักแรกพบนักก็ตาม) เอาเป็นว่ายังคงรู้สึกได้ถึงความหรูหราจากหน้าจอกระจก และฝาหลังที่มีเกร็ดระยิบระยับนั้นอยู่ก็แล้วกัน

เดี๋ยวเรามาไล่ดูรายละเอียดตัวเครื่องของเจ้า LG Optimus G กันดีกว่าว่า สวยนอก หล่อในมันมีอะไรบ้าง ผมจะพูดยาวไปเลยนะครับแล้วผมจะสรุปสเปคให้ดูอีกทีตอนท้าย  พร้อมแล้วก็แกะกล่องกันเลย

ตัวเครื่องบรรจุมาในกล่องสีขาว พร้อมกับพิมพ์ชื่อรุ่น G ไว้ด้านหน้า ให้ความพรีเมียมพอสมควร เมื่อเปิดกล่องออกมา ก็จะพบกับร่างของเจ้า Optimus G นอนแน่นิ่งอยู่

yypng

อุปกรณ์ที่ให้มานอกจากตัวเครื่องนั้นประกอบด้วย หัวชาร์จ สาย USB หูฟัง เข็มสำหรับจิ้มถาดซิม ซึ่งรวมอยู่ในซองกับคู่มือนั่นเอง

DSC_0099

กลับมาดูที่ตัวเครื่องกันอีกครั้ง เจ้า LG Optimus G นี้มีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ HD 768 x 1280 pixels (318 ppi) และเทคโนโลยีของหน้าจอเป็น True HD-IPS + LCD ซึ่งก็ถือว่าเป็นหน้าจอที่ให้แสงและสีสมจริงได้ดีทีเดียว และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมให้ฉายามันว่า สวยนอก ด้วยหน้าจอที่สวยสดใส การออกแบบดีไซต์โทนสีดำ ตัดกับหน้าจอกระจก (Gorlilla Glass 2)และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีวัสดุที่เป็นโครเมียมที่ขอบนอกของตัวเครื่องด้วย

DSC_0137

DSC_0187

ด้านหน้าของเครื่องประกอบด้วย ลำโพงสำหรับสนทนา ที่อยู่ติดกับขอบบนสุดของเครื่องเลย ในการใช้งานจริงแล้วอาจจะต้องมีการปรับเล็กน้อยถึงจะให้พอดีกับหู เวลาสนทนา ถัดลงมาก็จะเป็นโลโก้ของทาง LG นั่นเอง ถัดไปทางด้านขวาเล็กน้อยจะพบกับไฟแจ้งเตือนสถานะของเครื่อง และขวาสุดก็จะเป็นกล้องหน้า ที่มีความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ซึ่งสามารถบันทึกวีดีโอ HD 720P ได้ด้วยครับ ย้ายมาด้านล่างของตัวเครื่องกันบ้าง ก็จะเป็น 3 ปุ่ม ตามสไตล์สมาร์ทโฟนแอนดรอยร์ ก็คือ ปุ่ม Back ปุ่ม Home และก็ Menu ที่ใช้ไฟส่องสว่างสีขาว เข้ามาช่วยให้มองเห็นกันได้ง่ายๆ ยิ่งตัดกับสีของตัวเครื่องยิ่งทำให้มองชัดเจนได้ยิ่งขึ้น    จากนั้นเรามาดูด้านซ้ายของตัวเครื่องกันบ้าง ประกอบด้วยปุ่มเพิ่ม ลด เสียง และก็ช่องใส่ซิมการ์ด นั่นเอง

DSC_0202

DSC_0199

ด้านขาวจะมีเพียงปุ่มเดียว นั่นก็คือ ปุ่ม Power/Lock Screen

ตัวเครื่องด้านบนมีช่องเสียบหูฟัง ซึ่งก็เป็นขนาดมาตรฐานคือ 3.5 mm และมีรูเล็กๆ เยื้องๆไปทางขวา ซึ่งมันก็คือไมโครโฟน สำหรับตัดเสียงรบกวนเวลาสนทนานั่นเองครับ

DSC_0128

ด้านล่างตัวเครื่องมีน็อตยึดไว้ทั้งซ้ายและขวา ตรงกลางเป็นช่องเสียงสายชาร์จหรือสายเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ ถัดมาก็เป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนาครับ

DSC_0208

คราวนี้พลิกตัวเครื่องมาดูด้านหลังกันบ้าง แว๊บแรกที่พลิกมาเจอกับฝาหลังที่สวยสดงดงามก่อนเลย ฮ่าๆ เข้าเรื่องๆ บนสุดก็จะเป็นกล้องที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล จะเยอะไปไหน พร้อม LED Flash สำหรับช่วยถ่ายภาพในที่แสงน้อยนั่นเอง บันทึกวีดีโอ Full HD 1080P ได้ด้วย ตัวกล้องจะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องพอสมควร ทำให้เวลาวางตัวเรื่องราบกับพื้น อาจจะไม่ราบไปกับพื้นไปซะทีเดียว เพราะติดเจ้ากล้องนี่แหละ เยื้องลงมาก็จะเจอโลโก้ LG อีก และล่างสุดเลยก็จะพบกับลำโพงที่เป็นร่องบากลึงลงไปในตัวครื่อง พร้อมกับรายละเอียดรุ่น เครื่องหมายต่างๆ นอกจากนั้นก็ยังมีคำว่า Made in Korea อยู่ด้วย ประกาศให้รู้กันชัดๆ ว่าฉันเป็นมือถือสายพันธุ์เกาหลีนะจ๊ะ (ลองนึกภาพท่าเต้นกังนัมสไตล์ไปด้วยก็ได้นะ)

DSC_0133

DSC_0129

แบตเตอรี่ความจุ 2100 mAh และไม่สามารถถอดฝาหลังออกมาเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือว่าใส่ เมมเมอรี่เพิ่มได้นะ เพราะตัวเครื่องเค้าให้มาสูงถึง 32 GB ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้

DSC_0204

ทีนี้เรามาพูดถึงหูฟังของ LG Optimus G กันสักหน่อย เพราะทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และก็เสียงที่ให้ เดี๋ยวจะพูดถึงดีไซต์ก่อนก็แล้วกัน โทนสีทำออกมาเป็น แดงดำ ใช้สายแบนสีดำ ป้องกันสายพันกัน ตัวหูฟังใช้สีแดงตัดกับสีขาวของโลหะ ด้านหลังมีโลโก้ชัดเจน พร้อมกับไมค์ และตัวควบคุมการเล่นเพลงในตัวด้วย ส่วนเสียงที่ได้เป็นเสียงกลาง เบสก็ใช้ได้ ไม่ถึงกับแน่นมาก แต่ก็กระชับเป็นลูก ฟังแล้วไม่ปวดหู เสียงกลางแหลมซะส่วนใหญ่ เสียงร้องที่ได้ก็ชัดเจนในระดับพอใช้ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฟังแนว Acoustic เสียงเครื่องดนตรีชัดๆ กีตาร์ เปียโนมาดีทีเดียว แต่ให้เทียบกับหูฟังระดับสูง ก็ต้องต้องบอกว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น แต่โดยรวมแล้วทำออกมาได้ดีสำหรับรุ่นนี้

DSC_0221

LG Optimus G มาพร้อมด้วย Android 4.1.2 Jelly Bean โดยแสดงผลภายใต้การทำงานของ Optimus UI 3.0 และนี่ละครับ คือเรื่องที่ผมจะบอกต่อไปว่ามันจะ “หล่อใน” ยังไง เชิญรับชมได้ ณ โอกาสนี้ เชิญครับ แหม่ พูดเป็นหมอลำกำลังจะแสดงกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ

ui1

Notifications มีทั้งหมด 3 แถว แถวบนสุดจะเป็นการควบคุมการทำงานของตัวเครื่อง ส่วนแถวที่สองจะเป็น QSlide apps ที่จะทำให้สามารถใช้งานแอพฯ นั้นในหน้าจอที่เล็กลง และทำงานอยู่บนแอพฯ อื่นๆ ตลอดเวลา จนกว่าเราจะปิดมันออกไป ปรับให้โปร่งแสงมองทะลุเห็นแอพฯอื่นๆ ได้

ui2

Optimus UI 3.0 มีธีมมาให้ใช้อยู่ 4 แบบ Optimus, Biz, Cozywall, Marsmallow รวมไปถึงการตั้งค่าหน้า Lock Screen ยังมีให้เลือกใช้งานตั้ง 5 แบบ และ Screen Effect ก็มีให้ใช้งานถึง 4 แบบ นอกจากนั้นทาง LG ยังได้จับความสามารถที่เรียกว่า Icon Customers Plus ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถขยาย หรือลดขนาดของ Icon ได้ตามต้องการ เรียกได้ว่าเอาใจทุกวัย หมดปัญหามองไม่ชัดกันไป วิธีใช้งานก็แค่แตะที่ Icon ค้างเอาไว้ หลังจากนั้นก็ปรับขนาดได้โดยการลากที่มุมใดมุมหนึ่งเพื่อขยายขนาดนั่นเอง เท่านั้นยังไม่พอเรายังสามารถเลือกปรับขนาด Thumbnail ใน Gallery, รายชื่อผู้ติดต่อ เพียงแค่ทำนิ้วลักษณะซูมเข้าเพื่อขยาย และก็จีบนิ้วเข้าเพื่อปรับให้กลับมาเป็นขนาดปกติได้อีกด้วย

ui3

ui4

มาถึงอีกฟังก์ชั่นหนึ่งของ LG ที่ผมติดใจตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว นั่นก็คือ QuickMemo โดยประโยชน์ของเจ้าตัวนี้ก็คือ ใช้สำหรับจดโน๊ต บันทึกหน้าจอพร้อมกับเขียนคอมเมนท์ได้ทันที สะดวกเอามากๆ การเรียกใช้งานเจ้าโปรแกรมนี้ก็ง่ายๆเลย ดึง Notifications ลงมาก็จะเจอเจ้าโปรแกรมนี้อยู่ที่บนสุด ซ้ายสุดของหน้าจอ

ui5

หน้าตาก็จะเหมือน Photo Editor ทั่วไป คือสามารถเลือกหัวแปรง (brush) ให้ใช้งาน เลือกสี จะเลือกพื้นหลังเป็นแบบกระดาษเปล่าๆ หรือจากหน้าจอล่าสุดที่เรียกใช้งานก็ได้ และที่สำคัญเมื่อบันทึกเสร็จสามารถแชร์ผ่านช่องทางอื่นๆ ได้ทันที สะดวกเวอร์ๆๆ

อีกหนึ่งจุดเด่นที่จะพูดถึงไม่ได้เลยก็คือ LG Keyboard การพิมพ์ไทย – อังกฤษ มันเป็นเรื่องที่ปกติ เห็นกันได้ทั่วไปอยู่แล้ว แต่นี่เป็นการเขียนเป็นประโยคยาวๆ ทั้ง ไทย – อังกฤษ เพื่อแปลงออกมาเป็นตัวอักษร ซึ่งสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดี ตอบสนองรวดเร็ว และแม่นยำ โดยเฉพาะภาษาไทย และลายมืออันชวนปวดหัวของผม มันยังสามารถอ่านออก แปลออกมารู้เรื่อง อยู่ที่ลายมือที่เราเขียนลงไปด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งผมมองว่าบางทีสะดวกกว่าการพิมพ์เยอะเลย

ui6

วิทยุ FM ในการใช้งานยังต้องใช้หูฟังเป็นตัวรับสัญญาณเช่นเคย ระบบสามารถสแกนหาคลื่นได้โดยอัตโนมัติ แล้วยังมีปุ่มเพื่อค้นหาคลื่นอย่างละเอียดด้วย บันทึกสถานีโปรดได้ตามต้องการ พร้อมกับ ตั้งเวลาเปิดปิดได้จากเมนูเพิ่มเติม

ui7

เครื่องเล่นเพลงสามารถแบ่งแยกตามชื่อเพลง อัลบัม ศิลปิน แนวเพลง รายการที่จะเล่น หรือโฟลเดอร์ โดยเครื่องเล่นเพลงของรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบเสียงที่เรียกว่า Dolby Mobile ยังมี EQ มาให้ปรับเสียงเบื้องต้นกันด้วย หากใครต้องการแนวเพลงที่แปลกไป และยังมีฟีเจอร์ที่จะช่วยค้นหา Music Video (MV) ของเพลงนั้นๆ ใน YouTube ให้อีกด้วย

ui8

เครื่องเล่นวีดีโอสามารถเล่นได้ที่ระดับ Full HD 1080p กันเลยทีเดียว และเวลาเล่นวีดีโอนั้นสังเกตว่าจะเห็นปุ่มการใช้งานอยู่ที่มุมขวาบนของหน้าจอมากมาย icon แรกเป็นการให้เล่นวีดีโอในโหมด Qslide ถัดมาเป็นปุ่ม Smart Share และสุดท้ายเป็นปุ่มเพื่อล็อกหน้าจอไม่ให้หมุนขณะเล่นวีดีโอ

ui9

ui10

นอกเหนือจากการเล่นวีดีโอระดับ HD ได้แล้วนั้น เครื่อง LG Optimus G เครื่องนี้ยังพกความสามารถในการตัดต่อวีดีโอมาให้อีกด้วย และก็มีมาให้ใช้งานถึง 2 รูปแบบ รูปแบบแรกก็จะเป็นการตัดต่อวีดีโอแบบทั่วๆ ไป คือมีเครื่องมือเหมือนโปรแกรม VDO Editor เช่นแทรกภาพ แทรกวีดีโอ แทรกเสียงเพลง หรือแม้กระทั่งเสียงพิเศษ (Sound Effect) ก็มีมาให้ใช้งานเหมือนกัน แถมหน้าตาก็ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน หรือใช้ยากเลย โดยมีธีมมาให้เลือกใช้งานทั้งหมดอยู่ 4 แบบ Showreel, Sentimental, Showcase, scrapbook

ui11

ui12

ui13

หรือถ้าใครที่ยังบอกว่าโปรแกรมในโหมดนี้ใช้งานยุ่งยากเกินไป ทาง LG เค้าก็มีโหมดตัดต่อวีดีโออย่างง่ายแบบสำเร็จรูปมารองรับผู้ใช้งานที่ต้องการความรวดเร็ว เรียบง่าย แต่ได้งานคุณภาพไว้ให้ใช้กันด้วย โหมดนี้เรียกว่า Video Wiz ซึ่งผู้ใช้งานไม่ต้องทำอะไรมากนักเพียงแค่เลือกรูปแบบวีดีโอในแบบที่ต้องการที่กำหนดเอาไว้ให้  โดยเราสามารถดูตัวอย่างของรูปแบบนั้นๆ ได้ก่อนที่จะนำมาใช้กับวีดีโอของเราก่อนได้ แล้วก็เลือกไฟล์ภาพ วีดีโอที่ต้องการลงไปโดย หลังจากนั้นก็บันทึก ไฟล์ที่ได้ก็จะเป็นไฟล์ .mp4 ขนาด HD 720p

ui14

กล้องถ่ายรูปกล้องหลัง มีความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซล โดยถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p พร้อมระบบออโต้โฟกัส และ LED Flash ส่วนกล้องหน้าให้มาแบบมาตรฐานคือ 1.3 ล้านพิกเซล และถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด HD 720p  โดยฟีเจอร์ที่ให้มาด้วยช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับการใช้งานกล้องรุ่นนี้คือ

Time Catch short ที่ช่วยเรื่องการเลือกภาพที่ดีที่สุดก่อนกดชัตเตอร์

Cheet Shutter สั่งงานกล้องด้วยเสียง

Beauty Short ภาพที่ถ่ายจากกล้องหน้า สามารถปรับแต่งให้สวยงามขึ้นได้ สาวๆ น่าจะชอบฟีเจอร์นี้นะ แต่ถ้าจะพูดกันตรงๆ ก็ช่วยได้ไม่มากเหมือนกับภาพที่แต่งจากแอพฯ แต่งภาพอื่นๆ

เห็นรายละเอียดฟีเจอร์กันแล้วมาดูภาพที่ถ่ายมาด้วย LG Optimus G กันดีกว่า ว่าจะทำได้ดีขนาดไหนซึ่งผมก็พยายามจะถ่ายทั้งภาพนิ่งและก็วีดีโอในสภาพแสง ที่หลากหลาย แสงจ้า แสงน้อย หรือกลางคืน ออกมาให้ชมกัน

CAM00048

CAM00043

CAM00027

CAM00032

CAM00056

สรุปสเปคทั้งหมดของ LG Optimus G

  • CPU Quad Core 1.5 GHz Krait Qualcomm APQ8064
  • GPU Adreno 320
  • Ram 2GB
  • หน้าจอ Gorilla Glass 2 True HD-IPS LCD ขนาด 4.7 นิ้ว HD 1280 x 768 pixel (318 ppi)
  • ขนาด 131.9 x 68.9 x 8.5 มม. น้ำหนัก 145 กรัม
  • หน่วยความจำ 32GB และเพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่ได้
  • รองรับ 2G GSM 850/900/1800/1900MHz
  • รองรับ 3G แบบแยกรุ่น รุ่น LG-E975 รองรับคลื่น 900 (AIS), รุ่น LG-E975k รองรับคลื่น 850 (Dtac,Turemove)
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Wi-Fi direct, Wi-Fi Hotspot, Miracast, Bluetooth 4.0 LE, MHL, GPS (A-GPS), NFC
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ Li-Polymer ความจุ 2100 mAh และที่สำคัญ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้
  • Android 4.1.2 Jelly Bean

ผลทดสอบความสามารถการประมวลผลของเครื่อง

  • 3D Mark = 7,411 คะแนน
  • AnTuTu Benchmark V3.2.2 = 16,881 คะแนน
  • Vellamo HTML5 = 1,629 คะแนน
  • Vellamo Metal = 543 คะแนน
  • Quadrant Standard =7,829 คะแนน
  • Multitouch Tester = 10 จุด

Screenshot_2013-04-04-11-52-54

3D Mark

AnTuTu Benchmark

AnTuTu Benchmark

vellamo

Vellamo

Screenshot_2013-04-09-20-01-50

Quadrant Standard

multitouch-tester

Multitouch Tester

เดี๋ยวเรามาพูดถึงข้อดี และข้อด้อยของเจ้า LG Optimus G กัน เท่าที่สัมผัสและถ่ายทอดออกมาได้ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ ที่ได้ทดลองใช้งานก็แล้วกัน

ข้อดี

  • ดีไซต์สวย วัสดุดี เป็นมือถือที่ให้ความรู้สึกแฟชั่นมากๆ
  • ขนาดหน้าจอไม่ใหญ่มาก น้ำหนักก็ไม่มาก ยังให้ความคล่องแคล่วในการใช้งานอยู่
  • Optimus UI 3.0 ทำออกมาได้เลื่อนไหลดี น่าใช้งาน
  • หูฟังที่ให้มา เก๋ไก๋ดี เสียงก็ใช้ได้

ข้อด้อย

  • เนื่องจากตัวเครื่องเป็นกระจกทั้งหน้าและหลัง เวลาใช้งานหากมีเหงื่อจะเกิดรอยนิ้วมือง่าย
  • ตัวเครื่องค่อนข้างร้อนได้ง่าย