Lazada

แกะรอย 4 เทรนด์วงการสมาร์ทโฟน 2017: เพิ่มสี-มี/ไม่มีช่องเสียบหูฟัง-ไร้ขอบจอ-กล้องคู่ บทความพิเศษจาก MobileDista

Smartphone
แกะรอย 4 Trends สมาร์ทโฟน 2017

นับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2016 มีเค้าลางบางอย่างที่กำลังบ่งชี้ให้เห็นถึงเทรนด์และการเป็นไปของ Smartphone ในปี 2017 มากขึ้น ซึ่ง MobileDista จะพาคุณไปสำรวจว่าเทรนด์ดังกล่าวมีอะไรบ้าง และจะส่งผลต่อการใช้งานสมาร์ทโฟนของเราอย่างไร

เรามาลองแกะรอยเทรนด์สมาร์ทโฟน 2017 กันดูครับ

สีสัน: หนึ่งรุ่นสีต้องมีเยอะ

Huawei P10

อันที่จริงจะบอกว่า ‘สี’ จะเป็นเทรนด์ใหม่ของปีนี้ อาจมีหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย บ้างก็อาจไม่รู้สึกว่าเป็นเทรนด์ที่ใหม่อะไรเลย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีให้เห็นมานักต่อนักแล้ว ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหม่ประการใดเลย

แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากเชิญชวนให้คุณผู้อ่านได้สังเกตกันก็คือ สีที่จะมีมาให้เลือกพร้อมกับสมาร์ทโฟนในปีนี้ จะไม่ใช่สีที่เป็น ‘มาตรฐาน’ สมาร์ทโฟนที่เราคุ้นเคยกันดีอีกต่อไป หากแต่เป็นสีที่มีความฉูดฉาด สีที่ดูเหมือนจะเป็น ‘แฟชัน’ มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเปิดตัวสีเขียว Greenary จาก Huawei P10 สีแดงสดจาก iPhone 7 และ iPhone 7 Plus และอาจรวมไปถึงสีน้ำเงินจาก Samsung Galaxy S8

เมื่อลองสำรวจความคิดย้อนหลังดูแล้ว ความต้องการของผู้บริโภคสมาร์ทโฟนมีความต้องการมากกว่าสีมาตรฐานที่คุ้นเคยกันดีอย่างสีดำ สีเงิน หรือสีขาว ทว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนกลับเลือกไม่ผลิตสีที่มีความฉูดฉาดหรือหลากหลายกว่าสีมาตรฐาน จะด้วยเหตุผลที่ต้องการ ‘Play Safe’ เพราะสีที่ไม่ใช่สีมาตรฐานอาจไม่ถูกใจผู้บริโภค จนไม่ได้รับการตอบรับที่ดี นั่นจึงทำให้การผลิตสมาร์ทโฟนที่นอกเหนือจากสีดำ สีขาว หรือสีเงิน จึงไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก

อย่างไรก็ตามเมื่อยุคสมัยของสมาร์ทโฟนเดินมาถึงจุดที่เรียกได้ว่า มันคือ ‘แฟชัน’ ผู้บริโภคล้วนต้องการหาสิ่งที่มีความเป็นตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความต้องการที่จะสัมผัสสีที่ใช่จากความเป็นแฟชัน จึงทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไม่สามารถทัดทานอีกต่อไป การ Play Safe ใช้สีที่เป็นมาตรฐานอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีอีกแล้ว

เป็นไปได้อย่างมากว่า หลังจากนี้สายธารแห่งสีสันที่อยู่บนเรือนร่างของสมาร์ทโฟนจะดาหน้าให้เราเห็นมากมายจนคุ้นชินตา และสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไปในมือของเราก็อาจได้พานพบกับสีที่แจ่มจรัสมากกว่าสีที่คมเข้มอันเป็นมาตรฐานเดิม

ช่องเสียบหูฟัง vs. ไม่มีช่องเสียบหูฟัง

Moto Z

นี่คือข้อถกเถียงใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างใหญ่หลวงอย่างหนึ่งในวงการสมาร์ทโฟน คงไม่แปลกหนักเพราะเราคุ้นเคยกับการใช้งานหูฟังที่อยู่คู่กับสมาร์ทโฟน (รวมถึงฟีเจอร์โฟน) มานาน การหั่นช่องเสียบหูฟังออกไป จึงกลายเป็นสภาวการณ์ที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนไม่คุ้นเคยมาก่อน

การตัดสินใจไม่มีช่องเสียบหูฟังในปี 2016 เริ่มต้นจาก Moto Z ต่อด้วย iPhone 7 ของ Apple ผู้เขียนมองว่า นี่คือการสร้างผลกระทบต่อการมีอยู่ของช่องเสียบหูฟังในสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ

เนื่องด้วย Apple คือ ผู้มีอิทธิพลในวงการสมาร์ทโฟน ตั้งแต่การออกแบบตัวเครื่อง การออกแบบอินเตอร์เฟส ทั้งหมดนี้อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ให้แก่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นหันมาทำตาม

แง่ง่ามต่อการถกเถียงว่า การฟังเพลงผ่านช่องเสียบหูฟังกับการฟังเพลงผ่านหูฟับลูทูธที่เป็นสิ่งใหม่เข้ามาทดแทน มีคนกล่าวไปเยอะแล้วว่า อย่างใดดีกว่ากัน ซึ่งมุมมองผู้เขียนเชื่อว่า ในท้ายที่สุดแล้วมันขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน

การใช้หูฟังที่ไร้สายเป็นสิ่งที่ดีในแง่การพกพา ตัดปัญหาเรื่องสายระโยงระยางที่จะมัดพัวพันเป็นร่างของมัมมี่ได้อย่างสนิทใจ เช่นเดียวกับการใช้ในการออกกำลังกายที่ไร้สายจะตอบโจทย์กว่า ด้วยน้ำหนักที่เบา และง่ายในการขยับตัว ซึ่งเป็นจุดบอดที่หูฟังมีสายยังให้ไม่ได้

ถึงกระนั้นสิ่งที่หูฟังมีสายยังคงเหนือกว่า คือ การใช้งานที่ง่าย เพียงแค่เสียบสายเข้าไปกับตัวเครื่องก็เล่นเพลงได้เลย ไม่ต้องค้นหาสัญญาณให้ยุ่งยากใจ หรือแม้แต่แบตเตอรีที่ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ

อย่างไรก็ดีการมีอยู่ของช่องเสียบหูฟังหรือไม่มีนั้น ถึงที่สุดแล้วเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไม่อาจคัดง้างใดๆ ได้เลย เพราะหากการคิดอ่านของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหมายใจเอาไว้แล้วว่า ช่องเสียบหูฟังเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อการออกแบบสมาร์ทโฟนของเรา สิ่งที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนจะต้องทำก็คงมีไม่กี่อย่างระหว่างการหาซื้ออุปกรณ์หูฟังไร้สายมาสักตัว หาอแดปเตอร์เป็นตัวกลางระหว่างกัน หรือเลือกจะที่หายี่ห้ออื่นไปเลย

ขอบจอต้องบางเฉียบ

Xiaomi Mi Mix
นวัตกรรมหน้าจอไร้ขอบจาก Xiaomi Mi Mix

ทำไมต้องไม่มีขอบจอ? ทำไมขอบจอต้องบาง ไม่เห็นจะจำเป็น!

แม้ว่า หลายคนอาจตั้งคำถามถึงความบางเฉียบของขอบจอ แต่เจ้าสิ่งนี้กำลังเป็นเทรนด์ที่คุณจะต้องพบเจอทุกเมื่อเชื่อวันเมื่อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เปิดตัว จุดประสงค์หลักที่ขอบจอกำลังจะบางลงนั้น สืบเนื่องมาจากการต้องการเพิ่มพื้นที่การใช้งานของสมาร์ทโฟน เพื่อการใช้งานที่เต็มตา เต็มอารมณ์ และการสร้างอรรถรถในการใช้งาน เพราะสมาร์ทโฟนไม่ได้มีแค่ไว้เล่นเกม หรือการติดต่อสื่อสาร พูดคุย โทร แชตอีกต่อไป แต่ยังมีเรื่องของการใช้งานความบันเทิงที่ดาหน้าส่งมาเสิร์ฟถึงหน้าจอในทุกๆ วัน ลองค้นกิจวัตรประจำวันของตัวคุณได้เลยว่า คุณใช้เวลากับ YouTube นานแค่ไหน คุณดูสตีมเกมบน Twitch รึเปล่า แล้วการดูซีรีส์และภาพยนตร์ล่ะ คุณใช้บริการ Netflix, iflix ใช่หรือไม่

ด้วยกิจวัตรเช่นนี้ของคนในยุคปัจจุบัน จึงยิ่งกระชับพื้นที่ให้ขอบจอถูกตัดทอนลงไปให้บางลง ผู้เขียนอยากบอกแบบนี้ว่า โปรดทำใจให้ชิน หลังจากนี้มันจะมีออกมามากกว่าที่เป็นอยู่

กล้องเดี่ยวมันเหงา ต้องกล้องคู่

LG G6

เทรนด์สุดท้ายที่เราจะพูดถึง นั่นคือ เรื่องของกล้อง ซึ่งเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ของการใช้งานสมาร์ทโฟน เพราะนี่คือไลฟ์สไตล์ของผู้คนกว่าร้อยปีมาแล้ว

ในปี 2016 การถ่ายภาพด้วยกล้องจากสมาร์ทโฟนได้ยกระดับอีกขั้น (ถ้าพูดให้ชัดเจนคือ การหยิบของเก่ามาปัดฝุ่นขายใหม่) ดังจะเห็นได้จาก LG G5, Huawei P9 และ iPhone 7 Plus (หากไม่นับ LG G5 ทั้ง 2 รุ่นที่ใช้กล้องคู่ต่างประสบความสำเร็จอย่างยิ่งด้านยอดขาย โดยเฉพาะ P9 ที่ผลักดันการใช้กล้องคู่ได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งการถ่ายภาพสี และการถ่ายภาพขาวดำ) คงไม่น่าแปลกใจแต่ประการใดที่ในปี 2017 กล้องคู่จะกลายเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจำนวนมากให้ความสนใจ เพราะการมีกล้อง 2 ตัว ช่วยยกระดับศักยภาพในการถ่ายภาพให้น่าสนใจ และสร้างไลฟ์สไตล์ในการถ่ายภาพให้เกิดมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า ยุคนี้คือยุคของการถ่ายภาพลงโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Facebook, Twitter และ Snapchat ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นปลายทางของการใช้งานกล้อง การมีกล้องถ่ายภาพดีๆ ย่อมส่งผลต่อทุกๆ ฝ่าย จนเราเรียกได้ว่าได้ประโยชน์ถ้วนหน้า เราในฐานะผู้ใช้งานได้ภาพดีๆ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนมีสตอรีในการเล่าเรื่องและประโยชน์ของกล้องคู่ และผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานแอปของตัวอย่างต่อเนื่อง