Moto M Review: สมาร์ทโฟนซีรีส์ M รุ่นใหม่ และครั้งแรกกับวัสดุที่เป็นโลหะ

Moto M
Moto M

ยุคนี้เป็นยุคสมัยที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน กำลังเรียกหาวัสดุที่เป็นโลหะ ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ตำนานอย่าง Motorola ได้ส่ง Moto M ที่ใช้โลหะในการทำตลาดราคาสมาร์ทโฟนต่ำหมื่นเป็นครั้งแรก

Moto M มีตัวย่อมาจากคำว่า Metal หรือที่แปลว่า โลหะนั่นเอง ซึ่งน่าจะทำให้สาวก Motorola ที่ยังคงชื่นชอบในแบรนด์นี้อยู่ น่าจะให้ความสนใจได้ไม่น้อยทีเดียว

สเปกเครื่อง Moto M

Moto M

  • ขนาดหน้าจอ: 5.5 นิ้ว Full HD
  • ชิปประมวลผล: Mediatek Helio P10 Octa-core 1.95 GHz Cortex-A53
  • หน่วยความจำเครื่อง: 32GB
  • RAM: 4GB
  • กล้องหลัง: 16 ล้านพิกเซล กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี: 3,050 mAh
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 6 Marshmallow

การออกแบบ: สวยกว่าที่คาดคิด

Moto M

จากที่เคยดูในการเปิดตัวที่ต่างประเทศ ไปจนถึงคลิปวิดีโอที่มีคนนำมาพรีวิวก่อนที่จะถูกนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย หะแรกคิดว่า คงไม่ได้น่าสนใจอะไรมากนัก หากแต่ได้ลองสัมผัสอย่างจริงจัง กลับพบว่า การออกแบบ Moto M ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีการเคลือบ Nano-Coating เพื่อป้องกันตัวเครื่องสัมผัสกับน้ำโดยตรง แต่ถ้านำไปแช่ใต้น้ำทำไม่ได้นะครับ

Moto M

ตัวเครื่องใช้โลหะเป็นวัสดุประกอบงานทั้งหมด อีกทั้งยังใช้โลหะชิ้นเดียวในการประกอบขึ้นงานตัวเครื่อง ด้านหน้าถูกฉาบด้วยกระจกทั้งหมด แล้วก็มีการปรับปรุงนิดหน่อยก็คือ การย้ายปุ่มสแกนลายนิ้วมือจากด้านหน้าสุดไปอยู่ด้านหลัง โดยใช้สัญลักษณ์ moto แทนที่

Moto M

ด้านหลังตัวเครื่อง จะมีปุ่มสแกนลายนิ้วมือทรงกลมอยู่บริเวณด้านล่างเลนส์กล้องและแฟลช (ว่าไปแล้วก็คล้ายกับ Huawei Mate 9) ถูกขนาบด้วยเส้นสัญญาณพลาสติกสีขาวที่อยู่ด้านบนและล่าง พร้อมกันนี้บริเวณด้านหลัง Motorola เพิ่มลูกเล่นการออกแบบนิดหน่อย โดยทำให้ด้านหลังมีลักษณะโค้งนูน คิดคำนึงในการใช้งานซึ่งจะทำให้ด้านหลังตรงที่มีส่วนโค้งสอดรับเข้ากับอุ้งมือเพื่อให้เกิดความกระชับในการใช้งาน

Moto M

Moto M

ด้านข้างทั้งซ้ายและขวา ไม่มีอะไรผิดแปลกอะไร เป็นช่องใส่ซิมแบบไฮบริด (Hybrid)

Moto M Moto M

ต่อมาเป็นปุ่มเปิดเครื่อง/ปิดเครื่อง เพิ่ม/ลดเสียง ตามลำดับ แต่สิ่งที่ผมชอบก็คือ การเว้นระยะห่างระหว่างปุ่มเปิดเครื่องและปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง มีระยะห่างพอสมควร ทำให้ลดโอกาสในการใช้งานผิดปุ่มไปได้เยอะ อีกทั้งการออกแบบปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ยังได้ทำรอยบากเอาไว้ เพื่อให้มีความแตกต่างกันกับปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง

Moto M

ส่วนด้านล่างสุดจะเป็นลำโพง ซึ่งเป็นส่วนที่ผมยังไม่ประทับใจเท่าไหร่ เพราะเสียงที่ให้จะมีเฉพาะเสียงแหลมเพียงมิติเดียว ส่วนด้านบนจะเป็นช่องเสียบหูฟังมาตรฐาน

ชุดซอฟต์แวร์: Stock Android

ว่าไปแล้วเอกลักษณ์ในด้านซอฟต์แวร์ของ Motorola ที่ผ่านมา ผมคิดว่า เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 อย่างด้วยกัน นั่นคือ ฟีเจอร์ในการใช้งานที่บอกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริง เช่น หมุนข้อมือเพื่อเปิดโหมดกล้องอย่างรวดเร็ว การใช้คำสั่งเสียง เป็นต้น

อย่างที่สอง ก็คือ การใช้รอมที่เป็น Stock Android ซึ่งผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนก็จะมีทั้งแบบที่ชอบอะไรคลีนๆ ไม่รกรุงรัง ใช้งานง่ายๆ Stock Android ก็มีเสิร์ฟความต้องการส่วนนี้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนของ Motorola ระดับราคาแพงสุด จนถึงถูกที่สุดก็จะใช้ Stock Android นี่แหละครับ

Moto M

แต่ความน่าเสียดายก็คือ Moto M กลับมีแค่ Stock Android เท่านั้น ฟีเจอร์อื่นๆ ที่เคยเป็นเอกลักษณ์ทีว่ามากลับไม่มีมาในรุ่นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างมาก แต่ถ้าจะบอกว่า Moto M มีแค่ Stock Android ที่เป็นของ Google อย่างเดียวนั้น ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะภายในแอปยังได้ bundle แอปจาก Microsoft มา ซึ่งถ้าใครใช้งานแอปหลักๆ ของ Microsoft พวก OneNote, Office หรือ Skype ก็คงโอเคกับส่วนนี้

Moto M

นอกเหนือจากนี้ Moto M ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos สำหรับการปรับแต่งเสียง และถ้ายังชื่นชอบการฟังวิทยุก็จะมี FM Radio ให้ฝังมากับตัวเครื่อง แต่ต้องฟังผ่านหูฟังเท่านั้นครับ

การถ่ายภาพ

Moto M

อย่างที่ได้บอกไปว่า Moto M ถือได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ไม่ได้มีฟีเจอร์ที่พัฒนามาจาก Motorola โดยตรง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า Moto M เป็นแบรนด์ย่อยที่ดูแลโดย Lenovo เอง ซึ่งแตกต่างจาก Moto G4 Plus และ Moto Z ที่ผู้ดูแลโดยตรงคือ Motorola ประเด็นนี้ MobileDista เคยได้พูดถึงไว้แล้วที่ Roadmap Motorola ในปี 2017

Moto M

ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่า อะไรที่เคยเป็นจุดเด่นใน Moto G4 Plus, Moto Z Play หรือ Moto Z จะหายไปในรุ่นนี้

Moto M

เมื่อเราเข้าสู่แอปกล้องสิ่งที่จะแตกต่างไปเลยก็คือ อินเตอร์เฟส ที่จะไม่ใช่แบบที่เราคุ้นเคยกันในรุ่น Moto G4 Plus, Moto Z Play หรือ Moto Z ตัวกล้องพกพาความละเอียดที่ 16 ล้านพิกเซล มีโหมดสนับสนุนในการถ่ายภาพได้แก่ HDR, Pro Mode ซึ่งจะปรับได้ตั้งแต่ EV, ISO 100-1600, Speed Shutter 1/3200 จนถึง 2/3 Macro, มีโหมดถ่าย Panorama, Art Nightscape ซึ่งเป็นโหมดในการถ่ายภาพตามจุดต่างๆ เช่น ถ่ายภาพเมืองยามค่ำคืน ถ่ายในที่แสงน้อยในอาคาร ถ่ายการเคลื่อนไหวของคน และการถ่ายภาพบนเวที พร้อมกันนี้ยังมีเอฟเฟกต์ และการปรับเซ็ตติงที่มีไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่

Moto M

Moto M
ภาพถ่ายกลางคืน

ส่วนคุณภาพของภาพที่ได้ออกมา ถือว่าน่าประทับใจอยู่บ้าง ไม่ได้น่าเกลียดอะไรทั้งการถ่ายกลางวัน และกลางคืน แต่ถ้าจะเอาคุณภาพจริงๆ ภาพถ่ายในเวลากลางวัน ทำได้ดี เก็บรายละเอียดได้ดี เช่น บางภาพจะมีหยดน้ำตกลงมากล้อง Moto M เก็บส่วนนี้ไว้ได้ ส่วนกลางคืนถือว่าอยู่ในระดับพอรับได้ แต่จะมีอมฟ้าๆ สักหน่อย

ทางด้านกล้องหน้ามีโหมดบิวตี้ ปรับได้ 7 ระดับ แต่เลือกได้ว่าจะปรับแบบออโต้หรือแมน่วล เท่าที่ลองดูพบว่า เมื่อปรับถึงระดับที่ 7 หน้าตาไม่ได้ดูเป็นเอเลียน ถือว่าดีงาม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สนับสนุนการถ่ายภาพเพิ่มเติม เช่น Fill Light การใช้แสงจากแฟลชช่วยการถ่ายเซลฟี่, Snap Mode ที่เลือกการถ่ายภาพได้ว่าจะใช้แบบการตั้งเวลา 3 วินาที, แตะหน้าจอ หรือชูสองนิว

ภาพจากกล้อง Moto M

แบตเตอรี

Moto M

Moto M ให้ประสิทธิภาพของแบตเตอรีที่ 3,050 mAh ถือว่าเป็นปริมาณที่เยอะพอตัวทีเดียว จากการที่ได้ลองใช้งานแบบหนักหน่วงติดต่อกันเกือบ 9 ชั่วโมง พบว่า ถ้าใช้งานโหดๆ เช่น การดู YouTube แชต ถ่ายรูป และการฟังเพลง (ผ่าน Apple Music) ต่อเนื่องแทบไม่หยุดพักหายใจ ความอึดแบตเตอรีก็จะใช้งานได้ราวๆ 8-9 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าน่าประทับใจพอควร

Moto M

แต่ในด้านการชาร์จเร็วจากที่ได้ทดลองมา ตัวเครื่องไม่ได้พกพาประสิทธิภาพที่ชาร์จเร็วขนาดนั้น ระยะเวลาการชาร์จชั่วโมงครึ่ง ถือว่าไม่ได้เร็วมาก แต่ถ้าเทียบกับปริมาณที่มากถึง 3,050 mAh ก็ยังจัดได้ว่า โอเค ไม่ได้แย่

ทดสอบด้วย Benchmark

Moto M

Moto M

สรุป

Moto M

Moto M ถือว่าได้เป็นการออกแบบที่ดีไม่น้อยของ Motorola โดยเฉพาะการตัดปุ่มสแกนลายนิ้วมือสี่เหลี่ยมที่น่าเกลียดออกไป แล้วหันไปใช้ปุ่มสแกนลายนิ้วมือแบบทรงกลมไว้ด้านหลังตัวเครื่องแทน อีกทั้งการใช้วัสดุที่เป็นโลหะในการออกแบบ ทำให้ตัวเครื่องดูสวยงาม น่าประทับใจ น่าใช้งานเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าจุดบอดของรุ่นนี้กลับอยู่ตรงที่การตัดฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่เราคุ้นเคยกันดีใน Moto G4 Plus, Moto Z Play และ Moto Z ออกไป ด้วยเหตุผลที่เข้าใจได้ว่า Moto M พัฒนาโดย Lenovo ทำให้ไม่มีฟีเจอร์ที่ว่านี้ จึงทำให้ความน่าสนใจลดลงกว่าที่ควรจะเป็น

ขณะเดียวกันในด้านการอัปเดทเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ ก็ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ ถ้าหากได้รับการอัปเดทแน่นอน ก็อาจเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ควรซื้อหาเป็นเจ้าของครับ