Resident Evil 7 Review: การกลับมาของสุดยอดเกมสยองขวัญ-หลอนเต็มรูปแบบ

Resident Evil 7
Resident Evil 7 เกมภาคที่หลอนที่สุด

ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของซีรีส์เกม Resident Evil ที่ในรอบนี้ กลับมาในรูปแบบของเกมสยองขวัญเต็มรูปแบบ กับทุกฉากที่จะทำให้ผู้เล่นตกใจ สยอง และหัวร้อนในบางจังหวะ ที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมการเล่นในรูปแบบเดิมๆ สร้างจุดต่างจากหลายภาคก่อนหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกับเป็นการเปิดตัว RE Engine ที่รองรับการเล่นแบบ VR ด้วย


Platform: Playstation 4, Xbox One, PC (Windows)

Engine: RE Engine

แนวเกม: Survival horror / First Person Shooting

ผู้เล่น: 1 คน

ราคา: PS4 : 1,890 บาท Steam PC: 1,199 บาท


เนื้อเรื่อง (Story)

RESIDENT EVIL 7
RESIDENT EVIL 7 biohazard

การกลับมาของ Resident Evil 7 เป็นภาคที่ผู้เล่นอาจไม่จำเป็นต้องเล่นภาค 1-6 มาก่อนเลยก็ได้ เพราะตัวละคร อีธาน วินเทอร์ (Ethan Winters) คือตัวละครใหม่ที่เราจะได้ความรู้จักเป็นครั้งแรกในภาคนี้ เพียงแต่ว่าจะมีสิ่งยึดโยงกับภาคเก่าๆ อยู่บ้าง 

เหตุการณ์ใน Resident Evil 7 เริ่มต้นขึ้น จากการตามหามีอา วินเทอร์ (Mia Winter) ผู้เป็นภรรยาของอีธานที่หายไปนานถึง 3 ปี และในที่สุดอีธานก็หามีอาเจอจนได้ โดยในฉากเปิดเรื่องอีธานจะได้รับอีเมลลึกลับที่แนบไฟล์วิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า มีอา ยังมีชีวิตอยู่ที่เมือง Dulvey รัฐลุยเซียนา (Louisiana) ทำให้อีธานเดินทางออกไปตามหา แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับเป็นความสยองขวัญที่ยากจะหาคำใดมาเอื้อนเอ่ย

การนำเสนอของเกม (Presentation) 

RESIDENT EVIL 7

ตัวเกมจะนำเสนอฉากสยองขวัญให้แก่ผู้เล่นเป็น 4 ส่วนหลักๆ เริ่มจากบ้านร้างที่เดินทางมาถึงและพบกับมีอา ถัดมาคือเข้ามาในโซนของตัวบ้านหลักในการเดินเรื่องร่วมกับคุณพ่อ Jack (แจ็ค เบเกอร์) ที่จะไล่ตามไปทุกคนแห่ง และบ้านเก่าที่เป็นที่อยู่คุณแม่มาร์กาเร็ต (Margaret) ก่อนจะไปถึงบททดสอบในการอยู่รอดจากลูกชายในโต Lucas (ลูคัส เบเกอร์) จากคำแนะนำของโทรศัพท์ปริศนาที่จะคอยชี้ทางไปให้แก่อีธาน

RESIDENT EVIL 7

ขณะเดียวกันตัวเกมยังให้ผู้เล่นสร้างวิธีการจบของเกมด้วยตัวเอง โดยจะมีวิธีการจบเกมนี้ด้วยกัน 2 วิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้เล่นว่า มีความคิดอย่างไร

แต่ที่น่าสนใจของเกมนี้ก็คือ การที่ตัวเกมนำเสนอออกมาในรูปแบบของเกมมุมมองบุคคลที่ 1 (first-person Shooting) ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นได้พบเจอประสบการณ์ที่หลอนสั่นประสาทแบบซึ่งหน้า ราวกับว่าคุณกำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ Capcom ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

ตัวเกมจะมีการนำระบบเซฟเกมผ่านเครื่องบันทึกเสียง (ในโหมด Easy/Normal สามารถเซฟเกมได้ไม่จำกัด ส่วนโหมด Mad House ที่จะปลดล็อกหลังจากจบเกม 1 รอบ ซึ่งจำเป็นต้องมีตลับเทปในการเซฟเกม) พร้อมกับการนำระบบกล่องเก็บของกลับมาให้ใช้งานกัน โดยไม่มีการจำกัดพื้นที่เก็บของ ซึ่งเป็นการกลับมาของกล่อง 4 มิติมหัศจรรย์กลับมาอีกครั้ง

RESIDENT EVIL 7

พร้อมกันนี้ตัวเกมยังได้เอาระบบการเล่นที่เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เช่นการผสมของ (Craft) ทั้งยาเพิ่มเลือด (HP) กระสุนปืน ความสามารถในการมองเห็นที่จะอยู่ในรูปแบบยากดประสาท (คล้ายๆ กับ Natalia ในภาค Revelations 2) ยังมีการแฝง Side Quest เล็กๆ ไว้ในเกม เช่น การนำ Antique Coins เพื่อปลดล็อกไอเท็มพิเศษ ซึ่งไอเท็มเหล่านี้อาจทำให้ผู้เล่นสามารถเข้าปะทะกับบอส (Boss Fight) ที่จะโผล่มาในทุกๆ ช่วงของเกมได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ดีตัวเกมในภาคนี้ กลับไม่ซับซ้อนเลย ถ้าหากคุณเคยเล่น Resident Evil ในภาคเก่าๆ เช่น ภาค 1 และภาค 2 เพราะถ้าหากสังเกตดีๆ ตัวเกมจะบอกใบ้เราตลอดเวลาว่า ประตูถัดไปเราจะเจออะไร และจะต้องใช้อะไรไขปริศนาของเกม อีกทั้งตัวเกมก็อยู่ในรูปแบบของเส้นตรง ฉะนั้นแฟนเกมซีรีส์นี้ยุคดั้งเดิมคงไม่ต้องเดินกลับไปกลับมาอีกต่อไปแล้ว

สรุป Resident Evil 7 (Conclusion)

RESIDENT EVIL 7

Resident Evil 7 เป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่สำหรับคอเกมสยองขวัญ จากความโหดระดับเลือดสาด ที่อยู่บนพื้นของเกมไขปริศนา พร้อมกับความน่ากลัวที่ย้อนไปคล้ายกับ 3 ภาคแรกของซีรีส์ พร้อมกับกลิ่นอายหลอนๆ ในซีรีส์ของ Silient hill และ F.E.A.R. ที่จะคอยมีเงาปริศนามาทำให้ขนลุกได้ทุกช่วง

ยิ่งเมื่อได้ลองเล่นในระดับ Madhouse แล้วจะพบว่าความยากของศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้น การเซฟเกมที่จำกัดจำนวนครั้ง กระสุนปืนที่จำกัด ทำให้ในการเล่นต้องบรรจงเล็งเป้าหมาย ก่อนปล่อยกระสุนในแต่ละนัด ทำให้ได้หัวร้อนจนอยากปาจอยเกมทิ้ง แทนอาการหลอน

สุดท้ายถ้าเป็นผู้เล่นที่ไม่ชอบแนวเกมแบบ FPS ก็อาจจะผิดหวังกับ RE 7 ก็ได้ เพราะด้วยมุมกล้องรูปแบบนี้ นอกจากช่วยเพิ่มความน่ากลัวของตัวเกมแล้วด้วยการจำกัดมุมมองแล้ว ในอีกมุมหนึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบก็อาจจะเกิดอาการเวียนศรีษะได้ง่ายๆ จากมุมกล้องที่หมุนไปมาตลอดเวลาจนทำให้ไม่อยากเล่นก็เป็นได้ครับ