Lazada

รีวิว dtac Phone M2 มือถือแอนดรอยด์ Gen 8 จาก dtac โดดเด่นเรื่องกล้อง

ในบทความนี้ทีมงาน mobiledista ขอพูดถึงมือถือแอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย dtac นั้นคือ dtac Phone M2 หนึ่งใน dtac Phone 4G Super Camera Series ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงป้ายปี 2016 ที่ผ่านมา เปิดตัวพร้อมกับ dtac Phone S2 และ dtac Phone T2

ทั้ง 3 รุ่นเป็นมือถือ dtac Phone Gen 8 แล้ว ความน่าสนใจที่เราเลือก ตัว M2 มาพูดถึงก่อนก็เพราะว่าเป็นรุ่นที่พัฒนาลูกเล่นฟีเจอร์ให้ดูน่าสนใจไปอีกขั้น คราวนี้เน้นไปที่ลูกเล่นเกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพ มาพร้อมกับแนวคิด “ถ่ายรูปด้วยดีแทคโฟน ยังไงก็สวยคมชัด ไม่พลาดทุกอารมณ์และเรื่องราวดีๆในชีวิต และในราคาที่เป็นเจ้าของได้”

ทั้ง 3 รุ่น อยู่ในแคมเปญ dtac Best Deal ที่จะลดราคาพิเศษสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ dtac Best Deal: โปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้มสำหรับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่

ข้อมูลสเปก

  • หน้าจอ 5.0 นิ้ว ความละเอียด HD IPS (1280×720) แบบ 2.5D
  • กระจกกันรอย Asahi Glass
  • กล้อง 13 ล้านพิกเซล f2.0 Triple LED Flash
  • กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f2.0 พร้อมระบบ Beauty mode
  • ชิปประมวลผล Quad Core 1.3 GHz
  • หน่วยความจำภายใน 16GB
  • แรม 2GB
  • ปุ่ม intelligent touch สำหรับการใช้งานมือเดียว
  • แบตเตอรี่ 2,500 mAh
  • Android 6.0
  • รองรับ 4G calling (VoLTE)
  • ราคา 3,490 บาท

รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ 5.0 นิ้ว ความละเอียด HD (1280×720) ขอบหน้าจอมีความโค้ง 2.5D ขอบหน้าจอที่ไม่หนาจนเกินไปทำให้เวลาถือมือเดียวขนาดกำลังพอดีมืด หน้าจอขนาดใหญ่จึงเหมาะสำหรับการดูหนัง เล่น Social, อ่านข่าว ท่องเว็บต่างๆ

หน้าจอเสริมความแข็งแรงด้วยกระจกกันรอย Asahi Glass

กล้องหน้าให้มา 8 ล้านพิกเซล f2.0 พร้อมระบบ Beauty mode มีไฟ LED Notification สำหรับแจ้งเตือนเมื่อมีสายเข้า, sms หรือสถานะการชาร์จแบต

รุ่นนี้มีความแปลกอยู่อย่างนึงคือมีปุ่ม Home แบบปุ่มกด (intelligent touch) และปุ่มแบบสัมผัสที่รวมอยู่ในหน้าจอแสดงผล โดยเราสามารถปรับแต่งปุ่มได้ 2 แบบ นอกจากนั้นปุ่ม Home แบบกดยังมีฟีเจอร์ที่ทำได้มากกว่าปุ่ม Home ทั่วไป เช่น แตะปุ่มเบา 1 ครั้งจะทำหน้าที่เป็นปุ่ม Back, กดปุ่มจะกลับหน้าหลัก, กดปุ่ม 2 ครั้งจะแสดงแอพพลิเคชั่นล่าสุดที่เปิดใช้งาน นอกจากนั้นหากเรากดปุ่มค้างไว้จะปิดหน้าจอทันที

ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นลำโพงของตัวเครื่องและช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนา

ด้านบนเป็นช่องต่อ micro USB 2.0 และช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม.

ด้านขวาของตัวเครื่อง ล่างสุดจะเป็นช่องสำหรับแกะฝาหลัง ถัดขึ้นไปเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิดและปิดเครื่อง  สุดท้ายเป็นปุ่มเพิ่มและลดเสียง

ในแง่ของวัสดุและงานประกอบรุ่นนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว นอกจากดีไซน์ที่ดูมีความสวยงานและหรู ยังทำลวดลายและสีให้ดูเหมือนเป็นโลหะ ทำให้ดูหรูขึ้นมามิใช่น้อย

อย่างที่บอกในข้อมูลสเปก รุ่นนี้ให้กล้องหลังมา 13 ล้านพิกเซล พร้อม แฟลช 3 ดวง (Triple LED Flash)  และรูรับแสง f2.0

ฝาหลังเองก็ขวดลายให้ดูเหมือนโลหะนอกจากเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังเพิ่มความกระชับเวลาถือด้วย รุ่นนี้แกะฝาหลัง ถอดแบตได้ รองรับการใช้งาน 2 ซิม แบบ micro SIM เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 32GB ส่วนแบตเตอรี่ 2,500 mAh

สำหรับระบบปฏิบัติการ รุ่นนี้มาพร้อมกับ Android 6.0 marshmallow อินเตอร์เฟสแบบเรียบร้อย แต่มีความลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ จากการใช้งานราวๆ 2 สัปดาห์พบว่าการใช้งานทั่วไปทำงานได้อย่างลื่นไหล ไม่เจอแอพเด้ง แอพค้าง แอพปิดเองเลยแม้แต่ครั้งแรก ถือว่าตัวซอฟท์แวร์ทำมาได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญการเปิดและสลับแอพไปมาก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม ไม่หน่วงไม่ช้าเลย

รองรับ VoLTE

อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้คือการ VoLTE แล้ว VoLTE คืออะไร ? VoLTE คือการโทรศัพท์ด้วยเสียงที่มีคมชัดระดับ HD พูดง่ายๆ คือเวลาโทรศัพท์เสียงจะคมชัดขึ้น เสียงดังขึ้น ฟังได้ชัดเจนขึ้น โทรติดง่ายขึ้น

แน่นอนว่าฟีเจอร์นี้จะมีแค่ในรุ่นท็อปๆ ราคา 15,000 ขึ้นไป แต่เราในวันนี้ไม่ต้องซื้อมือถือแพงขนาดนั้นแล้ว เพราะ dtac Phone M2 รองรับการทำงาน VoLTE ในตัว สามารถโทรศัพท์คุณภาพเสียง HD และที่สำคัญคือ VoLTE ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใดๆ เลย เพียงแค่คุณอยู่ในที่สัญญาณ 4G ของ dtac แค่นี้คุณก็สามารถใช้งาน VoLTE ได้แล้ว และปัจจุบันเครือข่าย 4G ของ dtac ก็ครอบคลุมทุกจังหวัดในไทยแล้ว หายกังวลได้เลย

ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจ

ปุ่ม intelligent touch หรือปุ่ม Home เป็นปุ่มที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานมือเดียว โดยมีฟังก์ชั่นอาทิ แตะปุ่มเบา 1 ครั้งจะทำหน้าที่เป็นปุ่ม Back, กดปุ่มจะกลับหน้าหลัก, กดปุ่ม 2 ครั้งจะแสดงแอพพลิเคชั่นล่าสุดที่เปิดใช้งาน หรือกดปุ่มค้างไว้จะปิดหน้าจอทันที

กาปรับแต่งปุ่มด้านล่างจอได้ 2 แบบ คือสลับปุ่มย้อนกลับ และปุ่มเปิดแอพที่ใช้งานล่าสุด อีกอย่างที่น่าสนใจคือการใช้ท่าทางควบคุมเครื่อง ใช่ใช้สองนิ้วเลื่อนขึ้นจะเป็นการเปิดแอพข้อความ และใช้สองนิ้วเลื่อนลงพร้อมกันจะเป็นการเปิดแอพโทรศัพท์

ภาพรอบตัวเครื่อง

กล้องหน้า

กล้องหน้าของรุ่นนี้ให้มาความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Omnivision ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ที่หันมาทำเซ็นเซอร์กล้องมือถือที่นำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาไม่แพ้ Sony เลยทีเดียว นอกจากนั้นกล้องหน้ายังมาพร้อมกับ Beauty mode สำหรับปรับความเนียนของใบหน้า สามารถปรับความเนียนได้เองตามต้องการ

ในกล้องหน้าจะมีโหมดถ่ายภาพให้ทั้งหมด 3 โหมด คือโหมดปกติ, โหมดบิวตี้ และโหมด HDR และมีโหมดการปรับแต่งภาพต่างๆ เหมือนกับกล้องหลัง

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

กล้องหลัง

ความสามารถเรื่องกล้องของ dtac Phone M2 เมื่อเทียบกับคู่แข็งในราคาระดับเดียวกันแล้ว ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน โดยให้ความความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ตัวกล้องใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL พร้อมด้วยแฟลช 3 ตัว (Triple LED Flash) ช่วยให้การถ่ายภาพเมื่อเปิดแฟลชได้ภาพที่สว่างขึ้น สีสันดูจริงขึ้น เรามาดูลูกเล่นของแอพกล้องกันดีกว่า ว่ามีอะไรให้ใช้งานบ้าง

เริ่มจากหน้าตาของแอพกล้องที่ดูเรียบง่าย มีโหมดให้ใช้งานเท่าที่จำเป็น ปุ่มถ่ายภาพอยุ๋ตรงกลาง ถัดลงไปเป็นปุ่มสำหรับถ่ายวีดีโอ ส่วนด้านบนสองปุ่ม อันแรกเป็นปุ่มโหมดการถ่ายภาพแบบต่างๆ ถัดไปเป็นปุ่มการถ่ายภาพแบบมือถืออาชีพ ซึ่งสามารถปรับความละเอียดต่างๆ มากมาย อาทิ โหมดการถ่ายภาพต่างๆ เช่น ภาพกลางคืน, ภาพดวงอาทิตย์ตก, งานเลี้ยง, พอร์เทรต, ทิวทันศ์, พาร์เทรตตอนกลางคืน, ชายทะเล,หิมะ, ภาพนิ่ง, พลู, การทำงาน, แสงเทียน เป็นต้น

นอกจากนั้นแล้วยังสามารถปรับการถ่ายภาพให้เข้ากับสภาพแสงได้ด้วย อาทิ สำหรับถ่ายในห้องที่มีการเปิดไฟ, แสงตอนกลางวัน, ฟลูออเรสเซนต์, ภาพเมฆ, เงา เป็นต้น ซึ่งการปรับต่างๆ จะสงผลต่อโทนสีของภาพอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปกติในส่วนนี้จะถูกเลือกเป็นอัตโนมัติไว้ เราสามารถปรับได้ตามที่เราต้องการ เมื่อเลือกโทนสีในกล้องจะปรับตามที่เราเลือกทันที ทำให้เราเห็นได้ทันทีว่าเมื่อเลือกตัวใดตัวนึงภาพจะออกมาโทนสียังไง

สุดท้ายก็คือการปรับ ISO  ซึ่งปรับได้ 5 ระดับ คือ 100, 200, 400, 800 และ 1600

ในการถ่ายภาพมีฟีเจอร์ให้ใช้งานทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ โหมดถ่ายภาพแบบปกติ, โฆมดถ่ายภาพความละเอียดสูง, HDR, พาโนราม่า และโหมดบิวตี้ ที่ช่วยให้การถ่ายภาพใบหน้าตัวเองออกมาสวยเนียน ซึ่งโหมดบิวตี้สามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

มาถึงการตั้งค่ากล้องของ dtac Phone m2 กันบ้าง ในโหมดการตั้งค่าก็สามารถปรับได้หลากหลาย อาทิการเปิด-ปิดข้อมูล GPS สำหรับเก็บสถานที่ของภาพถ่ายนั้นๆ การปรับรูรับแสง, เอฟเฟคสี เป็นลูกเล่นสำหรับถ่ายภาพในโทนสีที่แตกต่างออกไปจากภาพปกติ

นอกจากนั้นยังสามารถเปิดและปิดเสียงชัทเตอร์ได้ ปิดเสียงตอนกดโฟกัสได้ มีฟังก์ชั่น ZSD (Zero Shutter Delay คือการกดชัทเตอร์ที่ไม่มีหน่วงเวลา) หรือแม้แต่ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพด้วยเสียง เมื่อพูดคำว่า Capture หรือ Cheese กล้องก็จะถ่ายภาพทันที, หรือการถ่ายภาพเมื่อตรวจเจอใบหน้า, ถ่ายภาพเมื่อเจอรอยยิ้ม, ถ่ายภาพเมื่อมีการชู 2 นิ้ว

และยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 2 แบบ คือ 15 ภาพ และ 40 ภาพ รวมถึงการปรับความละเอียดของภาพได้ตามต้องการ

และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ผมชอบก็คือการวัดแนวระนาบ ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพวัตถุได้แม่นยำขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าภาพจะออกมาเอียง

อีกลูกเล่นคือการใส่ลายน้ำให้กับภาพที่ถ่าย เมื่อเปิดฟังก์ชั่นนี้ จะใส่ลายน้ำให้ทุกรูปที่ถ่ายอัตโนมัติ

ภาพถ่ายตอนกลางวัน

ภาพแรกเป็นภาพถ่ายย้อนแสงโหมดปกติ จะเห็นว่าต้นไม้รอบข้างจะค้อนข้างมืด

ภาพที่ 2 เป็นภาพที่เปิดโหมด HDR ในการถ่าย จะเห็นว่าภาพมีความสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ภาพที่ 3 เป็นภาพในมุมเดียวกับ สภาพแสงเดียวกันกับ 2 ภาพแรก แต่ภาพนี้ถ่ายด้วยโหมดความละเอียดสูง นอกจากภาพจะคมชัดขึ้น ขนาดภาพก็จะใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางวัน

ภาพในที่แสงน้อย

เปรียบเทียบภาพถ่ายตอนกลางคืนช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ในห้องเปิดไฟ LED 1 ดวง ขนาด 6 วัตต์ ภาพแกรเป็นภาพที่ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ

ภาพที่ 2 ถ่ายด้วยสภาพแสงเดียวกัน แต่ปรับไปใช้โหมดถ่ายภาพตอนกลางคืน จะเห็นว่าภาพนี้ดูสว่างกว่าภาพแรกพอสมควร

ภาพที่ 3 ถ่ายในสภาพแสงเดียวกันกับ 2 ภาพแรก เพียงแต่ภาพนี้เป็นการเปิดแฟลชในการถ่าย จะเห็นว่าภาพก็จะมีความสว่างมากขึ้น

ตัวอย่างภาพในที่แสงน้อย

สนใจท่านที่สนใจ dtac Phone m2 สามารถซื้อได้ที่ dtac ทุกสาขาทั่วประเทศ ตอนนี้มีโปรโมชั่น ลูกค้า dtac รายเดือนซื้อเครื่องได้ในราคาพิเศษ 1,490 บาท (จากปกติ 3,490 บาท) เมื่อสมัครพร้อมแพ็กเกจรายเดือน 399 บาท/เดือนขึ้นไป และใช้งานต่อเนื่อง สัญญา 12 เดือน

รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ http://www.dtac.co.th/device/dtac/dtac-phone-m2.html