Lazada

Final Fantasy XV Review: เกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปี 2016 ที่คุณต้องได้สัมผัส

Final Fantasy XV
Final Fantasy XV

การรอคอยนับ 10 ปีสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ภายหลัง Square Enix ประกาศวางจำหน่าย Final Fantasy XV ภาคใหม่อย่างเป็นทางการบน PS4 และ Xbox One

ทันทีที่ Final Fnatasy XV วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการก่อให้เกิดกระแสการพูดถึงตัวเกมเป็นอย่างมาก ทั้งในไทยและต่างประเทศ และเท่าที่ทราบข้อมูลมาก็คือ เกมเมอร์ในไทยนิยมการซื้อ Final Fantasy XV Deluxe เยอะกว่าเวอร์ชันปกติทีเดียว

ขณะเดียวกันยอดขายในต่างประเทศ เพียงวันแรกที่วางจำหน่าย สามารถทำยอดขายทะลุ 5 ล้านก๊อปปี้ อีกทั้งยังขึ้นแท่นเกมที่ขายเร็วที่สุดของ Square Enix ไปในทันที Square Enix ประกาศยอดขาย Final Fantasy XV วันแรกทะลุ 5 ล้านก๊อปปี้

ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้ Square Enix ฝันหวานถึงยอดขายที่สวยหรูเมื่อจบการโปรโมท แล้วตัวเกมที่ผู้เล่นจะต้องได้สัมผัสอีก 48 ชั่วโมงของตัวเกมทั้งหมดจะเป็นอย่างไร มาติดตามกันได้ในรีวิวชิ้นนี้ครับ

Story: เจ้าชายหนุ่ม ผู้ต้องการทวงบัลลังก์แห่งกษัตริย์คืนมา

Final Fantasy XV

ในภาค 15 เราจะได้สวมบทเป็น Noctis เจ้าชายหนุ่ม ผู้เป็นเจ้าของทรงผมจากปกนิตยสารแฟชันญี่ปุ่น กับรถคู่ใจ Regalia พร้อมเดินทางไปกับมหาดเล็ก Ignis และ Gladiolus ร่วมกับเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน Prompto โดยการเดินทางที่ว่านี้เป็นการเดินทางเพื่อไปเสกสมรสกับ Luna อดีตเจ้าหญิงแห่ง Tenebrae ซึ่งมีความรู้จักมักคุ้นกันมาตั้งแต่เด็ก

จากนั้นในระหว่างการเดินทาง เราได้ทราบข่าว King Regis พระบิดาของ Noctis และเมืองของเรานามว่า Insomnia ได้ถูกโค่นล้มจนล่มสลาย จากการโจมตีของ จักรวรรดิ Niflheim ทำให้ภารกิจของ Noctis มิได้มีเพียงแค่การเดินทางเพื่อเสกสมรสอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นภารกิจในการกอบกู้บัลลังก์ พร้อมกับสร้างสมดุลแห่งอำนาจบนดินแดนแห่งนี้

อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้ทราบเนื้อหาที่ครบถ้วนของเกม ผู้เล่นจะต้องดูภาพยนตร์ Final Fantasy: Kingsglaive ก่อนเพื่อที่จะได้ทราบปูมหลังของเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงถ้าหากต้องการทราบที่มาที่ไปของ ตัวละครที่เหลืออีก 3 คนอย่าง Ignis, Gladiolus และ Prompto จะต้องดู Brotherhood Final Fantasy XV ก่อน ถึงจะทำความเข้าใจในเนื้อหาตอนเริ่มต้นเกมได้ครับ

ในแง่หนึ่งก็ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ที่ Square Enix ได้ขยายเนื้อหา ‘จักรวาล’ ของเกมภาค 15 ไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปแล้ว ทั้งหมดนี้คงเป็นปัญหาที่ทีมพัฒนาตัวเกม ไม่สามารถ ‘ใส่’ เนื้อหาที่สมบูรณ์แบบได้ตั้งแต่แรก จนต้องขยายเนื้อหาออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์ และแอนิเมชัน

ระบบการเล่น: ความเป็น Fantasy และ Reality

Final Fantasy XV

ตัวเกมใน Final Fantasy XV ถือว่า เป็นเกมโมเดิร์นยุคใหม่ของซีรีส์ที่มีการผสมผสานเรื่องราวที่เป็น Fantasy ตามชื่อเกม ร่วมกับความสมจริงสมจริงของยุคร่วมสมัย

แน่นอนว่า เรื่องราวของมนต์อสูร พลังที่ลี้ลับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัว เป็นสิ่งที่ไม่มีในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ในโลกนิยายแฟนตาซีแล้ว สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกับเหล่ามนุษย์มาช้านาน จนไม่สามารถแยกออกจากกันเด็ดขาด

แม้ว่าตัวเกมจะเป็นแฟนตาซีก็จริง แต่ในภาค 15 กลับมีการผสมผสานเรื่องราวร่วมสมัยเข้ามาได้อย่างน่าสนใจ เช่น Noctis ใช้สมาร์ทโฟน (แน่นอนว่าเป็น Android แต่ก็นั่นแหละครับ เราไม่มีทางทราบว่าใช้ยี่ห้อใด)

Final Fantasy XV

ขณะเดียวกันระบบของเกมก็ใส่ความสมจริงสมจังเข้ามา เช่น ตัวละครทั้ง 4 คนจะต้องมีการพักผ่อนนอนหลับ จะด้วยการตั้งแคมป์ นอนโมเต็ล หรือโรงแรม ต้องมีการกินอาหาร เพื่อเป็นพลังงานในการหล่อเลี้ยงชีวิต เพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์สำหรับการอัปเกรดเลเวล มี attire หรือเครื่องแต่งกาย ให้ปรับเปลี่ยนตามความต้องการ แต่ว่าก็ว่าเถอะครับ มีให้เลือกน้อยเหลือเกิน

ทางด้านระบบการเล่น จะอยู่ในรูปแบบของเกม RPG คือ เราสามารถปรับแต่งสกิล อาวุธ พร้อมเวทย์มนต์ได้เต็มพิกัด ซึ่งตรงนี้ต้องชื่นชมกับทีมงานพัฒนาเกมว่า สามารถปรับแต่งการต่อสู้ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการติดขัดใดๆ ทั้งสิ้น สามารถสร้างความต่อเนื่องระหว่างการต่อสู้ พร้อมกับการเลือกใช้สกิลได้เป็นอย่างดี

ในด้านการ summons ในภาคนี้ถือว่า เรียกใช้งานค่อนข้างยาก และมีเงื่อนไขในการเรียกใช้ที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร เช่น เลือดต้องเหลือน้อยมากๆ ต้องใกล้แหล่งน้ำ เป็นต้น ถึงกระนั้นใช่ว่า เราทำตามครบเงื่อนไขในการเรียกอสูร ก็ใช่ว่าอสูรตัวเก่งของเราจะออกมาช่วยเหลือทุกครั้งไป เพราะในเกมภาคนี้ถูกปรับระดับการเรียกให้ยากขึ้น ทำให้เป็นการยากที่ผู้เล่นจะเรียกมนต์อสูรให้มาช่วยเหลือการต่อสู้กับศัตรูที่มีความเก่งกาจตามที่เราต้องการ

Final Fantasy XV

นอกเหนือจากนี้ตัวเกมยังพัฒนาในส่วนการต่อสู้ที่เป็น Combo ได้น่าสนใจ เช่นสามารถใช้ warp-attack ในการโจมตีศัตรูโดยเลือกส่วนที่ต้องการสร้างบาดแผล หรือถ้าหากเราต่อสู้กับมอนสเตอร์หรือศัตรูที่ใกล้ๆ เพื่อนของเรา ไม่ว่าจะเป็น Ignis, Prompto หรือ Gladiolus ก็จะมีท่าการโจมตีพิเศษที่สร้างแดมเมจได้อย่างรุนแรง

แต่ถึงกระนั้นตัวเกมก็ยังมีข้อเสียอยู่เหมือนกันก็คือ ด้วยรูปแบบที่เป็นการต่อสู้สไตล์ RPG ตัวเกมกลับพัฒนาระบบมุมกล้องได้แย่เอามากๆ เช่น ในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ในป่า จะมีต้นไม้คอยบังมุมกล้องของเรา ทำให้การเคลื่อนไหว การโจมตี การใช้สกิลของเราได้อย่างยากลำบาก (แม้จะปรับมุมกล้องให้เป็น Far แล้วก็ตาม)

เปิดโลกด้วย Open World

Final Fantasy XV

ด้วยกระแส Open World ที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ผู้พัฒนาเกมช่วงหลังๆ จึงต้องพัฒนาตัวเกมของตัวเองให้อยู่ในรูปแบบของ Open World กล่าวคือ เป็นการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ได้อย่างอิสระ สามารถกินลม ชมวิว พร้อมกับเสพย์บรรยากาศของธรรมชาติ ซึ่งในส่วนนี้ Final Fantasy ทำได้ดีครับ เพราะ Ecosystem หรือนิเวศแวดล้อมทำได้อย่างสวยงาม ป่าเป็นป่า ต้นไม้เป็นต้นไม้ ทะเลเป็นทะเล ภูเขาเป็นภูเขา ทุกอย่างแลดูสมจริงสวยงาม ทำให้เราสามารถซึมซาบความเป็นธรรมชาติ (แบบดิจิตอล) ได้จากตัวเกม จนหลายครั้งทำให้หลงลืมกับภารกิจที่จะต้องทำไปเลยเหมือนกัน

Final Fantasy XV

โดยการ Open World ของเราในเกม สามารถทำได้หลายอย่างมากมายเลยครับ เช่น ขี่นก Chocobo บนถนน หรือที่สนาม ถ้าหากชอบการตกปลาก็จะมีพื้นที่ให้ตกปลา แล้วนำปลาไปให้ Ignis ประกอบอาหารก็ยังได้ หรือหากต้องการปั้มเลเวล ก็สามารถทำฟาร์มมิง (Farming) รับจ้าง “ปราบ” มอนสเตอร์สุดโหด เพื่อให้ได้มาซึ่งเลเวล ค่าประสบการณ์ เงิน และไอเท็มอื่นๆ ในเกม

อ้อ ลืมหากคุณเป็นคนที่ชอบการขับรถ ก็สามารถขับรถกินลมชมวิวได้เลย แต่ก็มีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่ ระบบเกมไม่ได้ออกแบบมาให้คุณขับรถได้อย่างอิสระ เหมือนเกม GTA V หรือ Mafia 3 สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่กินลม ชมวิว นั่นแหละครับ

อย่างไรก็ตามตัวเกมไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ Open World ตั้งแต่ต้นเกมไปจนถึงเกมจบนะครับ เพราะตัวเกมจะสงวนสำหรับการเป็นเกมแนว Open World จนถึงแค่ Chapter 7 เท่านั้น ทันทีที่เราจบ Chapter นี้ตัวเกมจะเป็นแนวเดินหน้าฆ่าฟันล้างโคตร กลายเป็นเกมต่อสู้แบบเส้นตรง (linear) ราวกับว่าเกมในช่วง 7 ตอนแรกกับ 7 เป็นคนละเกมกันเลย ซึ่งตรงนี้เราสามารถใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ในการเคลียร์เกมนี้ เพื่อจบส่วน Story Mode

after the credits: เนื้อเรื่องจบ เกมไม่จบ

Final Fantasy XV

แม้ว่าเราจะทำภารกิจทั้ง 14 Chapter สำเร็จลงไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเกมจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์ เป็นเพราะว่าทีมผู้พัฒนาได้ใส่ความสนุกสนานอย่างอื่นไว้ภายหลังจากนั้น เช่น การได้ปะฉะดะกับมอนสเตอร์ตัวใหม่สุดโหด อาวุธที่ทรงพลังในตำนาน ไปจนถึงดันเจียน (dungeons) แปลกๆ ที่เราไม่เคยได้พานพบเจอในเนื้อเรื่องหลัก

สำหรับตัวเกมภาคนี้ จะมีเนื้อหาทั้งหมด 14 ตอน และมีภารกิจย่อย (Side Quest) อีก 80 ภารกิจ ถ้าหากทำ (อย่างได้อย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง) สำเร็จก็ได้ Trophies ของเกมไปครอบครอง

สรุป: คำพูดสุดท้าย

Final Fantasy XV

ในขณะที่เราบรรจงสอดแผ่น Blu Ray Disc ของกม Final Fantasy XV เข้าไป สิ่งที่ผู้พัฒนาเกมได้แสดงความต้อนรับเราอย่างอบอุ่นด้วยการบอกว่า เกม Final Fantasy ภาคนี้ เป็นภาคที่สร้างมาเพื่อคนทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเกมนี้ตั้งแต่ภาคแรก หรือชอบมากที่สุดในภาคที่ 7 หรือชอบความหล่อ สวย เท่ ของเกมภาคที่ 8 เกม ในภาคที่ 15 นั้นได้ถูกสร้างมาเพื่อผู้เล่นหน้าใหม่ และผู้เล่นหน้าเก่า

เพราะตลอดเวลานับ 10 ปี ที่เกม Final Fantasy ห่างหายไป ก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างแฟนๆ กับเกมเป็นอย่างมาก การจะกระทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียกแฟนๆ หน้าเก่า และเพิ่มเติมด้วยแฟนกลุ่มใหม่ เป็นสิ่งที่พึงกระทำ

สิ่งที่เกิดขึ้นในโลก Final Fantasy XV จะยังมีสิ่งที่ไม่สมบูรณ์จากการเร่งรีบในช่วงการพัฒนาเกม (เช่นเนื้อเรื่องที่ไม่แข็งแรง และการขยาย Chapter 13 จนน่ารำคาญใจ) ไดอะล็อกของตัวละครที่ซ้ำซาก การขับรถที่กินเวลาหนึ่งวันในเกมจนทำให้การทำภารกิจหรือทำเควสต์ของเราเสียเวลา แต่สิ่งที่ตัวเกมทำได้อย่างยอดเยี่ยมคือ การเปิดโลกให้เราได้ผจญภัยกับโลกที่สุดแสนแฟนตาซี การพัฒนาฉากต่อสู้ที่สนุก มีความลื่นไหล พร้อมด้วยสกิลการต่อสู้ที่เพลินไม่รู้เบื่อ การออกแบบมอนสเตอร์ที่อลังการ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณจะหาจากที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว ในโลกความเป็นจริง เว้นเสียจาก Final Fantasy XV

หากโลก Reality มันสุดจะน่าเบื่อ ผมคิดว่าเราลองหันมาหาความสุขบนโลก Fantasy ก็คงจะดี