Lazada

วว. ต่อยอดวิจัยพัฒนาเพิ่มสารสำคัญของถั่งเช่าในพืช เพิ่มคุณค่าโภชนาการ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ต่อยอดงานวิจัยพัฒนาขับเคลื่อนนโยบาย BCG พัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัย ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มสารสำคัญของถั่งเช่าที่มีคุณสมบัติเด่นช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ในข้าวและต่อยอดองค์ความรู้ในการปลูกพืชให้มีสารสำคัญของถังเช่า พร้อมแปรรูปใบข้าวให้เป็นผงสำหรับนำไปผสมกับอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ มุ่งสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค สร้างงาน สร้างเงินที่ยั่งยืนให้แก่พี่น้องเกษตรกร/ผู้ประกอบการ

ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า จากความสำเร็จของ วว. โดย ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา กลุ่มงานบริการอุตสาหกรรม ภายใต้การดำเนิน “โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัย” ในการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ข้าวหอมมะลิ 105 ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ให้มีสารสำคัญทางยาสมุนไพร อย่างเช่น Cordycepin และ Adenosine ซึ่งมีอยู่ในถั่งเช่า ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดและช่วยเรื่องภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ป้องกันภัยคุกคามจากเชื้อโรคในปัจจุบัน และสารสำคัญอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปัจจุบันเกษตรกรร่วมกับ วว. อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาต่อยอด ที่จะทำให้เกิดสารสำคัญในข้าวสายพันธุ์อื่นๆ อีกหลายสายพันธุ์ รวมทั้งทำการทดลองกับพืชเกษตรชนิดอื่นที่มีอยู่ในพื้นที่และมีศักยภาพเศรษฐกิจด้านสมุนไพร เช่น เตยหอม ต้นใบบัวบก ข่าตาแดง รวมทั้งมะพร้าวน้ำหอม พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการแปรรูปใบข้าวที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า โดยวิธีการสกัดให้เป็นผงสำหรับนำไปผสมกับอาหารอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ผงชงดื่ม เป็นต้น ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ทดสอบของห้องปฏิบัติการ วว. พบว่าในใบข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญของถั่งเช่ายังมีโปรตีนในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งสามารถต่อยอดองค์ความรู้นี้ไปสู่การแปรรูปเป็นโปรตีนจากพืช (Plant Based Protein) ที่มีทั้งสารสำคัญของถังเช่าและโปรตีนจากพืชที่เหมาะกับการลดน้ำหนัก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด เพื่อมุ่งไปสู่ ZERO WASTE ตามนโยบาย BCG และเป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค สร้างงาน สร้างเงินให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน

“…การวิเคราะห์ทดสอบสารสำคัญในถั่งเช่าของ วว. ได้นำไปสู่การพัฒนาเชิงนวัตกรรมในการผลิตข้าวที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า รวมถึงการทดสอบปริมาณสารสำคัญอื่นๆ เช่น สารแกมมา โอริซานอล (Gamma Oryzanol) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ช่วยผ่อนคลายความเครียดและหลับสบาย ร่วมถึงช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. สนับสนุนการกล่าวอ้างทางสุขภาพ (Health Claim) บนฉลาก เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ เพิ่มช่องทางการขายด้วยการหาเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จากความสำเร็จและความพร้อมในการให้บริการดังกล่าว วว. จึงได้ขยายขอบข่ายต่อยอดการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มสารสำคัญของถั่งเช่าไปสู่พืชเกษตรอื่นๆ …” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

อนึ่ง ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า ซึ่ง วว. เข้าไปร่วมพัฒนาให้กับ นายบัณฑิต ศิริสัมพันธ์ และกลุ่มเกษตรกร ตำบลหนองพระ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ได้มีการจดอนุสิทธิบัตรในรูปการปลูกข้าวให้มีสารสำคัญของถั่งเช่าเรียบร้อยแล้ว โดยผลิตภัณฑ์ข้าวที่ปลูกภายใต้การดำเนินโครงการฯ ได้วางจำหน่ายในท้องตลาด ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์คอร์ดี้พาวเวอร์ไรซ์ (Cordy Power Rice) นอกจากนั้นยังสามารถนำใบข้าวมาผลิตเป็นชาชงดื่มเพื่อสุขภาพ และอยู่ในขั้นตอนการวิจัยต่อยอดการแปรรูปเป็นโปรตีนจากพืช (Plant Based Protein) ที่มีทั้งสารสำคัญของถังเช่าและโปรตีนจากพืชที่เหมาะกับการลดน้ำหนัก ซึ่งจะเป็นประโยชน์และเพิ่มมูลค่าทางการเกษตร อีกทั้งการนำซังข้าวไปเป็นปุ๋ยสำหรับใช้หมุนเวียนในระบบการเกษตรของกลุ่มด้วย นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของ วว. ในการร่วมขับเคลื่อนนโยบาย BCG ที่สามารถนำองค์ความรู้ที่เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยตอบโจทย์ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ

สอบถามรายละเอียดและรับบริการจาก วว. ติดต่อได้ที่ โทร. 0 2577 9000, 0 2323 1672-80 (ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา) โทรสาร. 0 2323 9165 อีเมล tistr@tistr.or.th