Asus ZenFone Selfie มือถือแอนดรอยด์ในตระกูล Zenfone ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติที่เอาใจคนชอบเซลฟี่เป็นหลัก ให้กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED คู่ และโหมดบิ้วตี้ ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ส่วนกล้องหลังก็ 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED คู่เช่นเดียวกับกล้องหน้า
ZenFone Selfie ใช้ชิป Octa-core 64bit แรม 3GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32GB รองรับ 2 ซิม และใช้งาน 4G LTE มีให้เลือก 6 สี 6 สไตล์ ได้แก่สีขาว, สีชมพู, สีฟ้า, สีแดง, สีเทา และสีเหลือง เริ่มวางขายวันที่ 22 กันยายน 2558 เป็นต้นไป ราคา 8,990 บาท
จุดเด่นของ ASUS ZenFone SELFIE
- หน้าจอ : IPS LCD, 5.5 นิ้ว, FHD (Full HD) (1920 x 1080 พิกเซล)
- ซีพียู : Quad-core Cortex-A53 & Quad-core Cortex-A53
- แรม : 3GB
- ระบบปฏิบัติการ : Android 5.0.x (Lollipop)
- กล้อง : หน้า 13 ล้านพิกเซล / หลัง 13 ล้านพิกเซล
- หน่วยความจำภายใน : 16/32GB
- แบตเตอรี่ : Li-Po 3000 mAh
สำรวจ ZenFone Selfie
ZenFone Selfie มาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว,ความละเอียด FHD (Full HD) 1920 x 1080 พิกเซล ความละเอียดต่อพิกเซลอยู่ที่ 403 ppi ใช้กระจก Gorilla Glass 4 แสดงผล 16 ล้านสี รองรับ multi-touch หน้าจอแสดงผลคิดเป็น 68.3% ของตัวเครื่อง
กล้องหน้าสเปกใกล้เคียงกล้องหลัง เซ็นเซอร์เป็น 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED คู่ รูรับแสง f/2.2, กล้องหน้าเป็นแบบ Wide-angle view 88 องศา ถ่ายภาพเซลฟีมุมกว้างกว่าปกติ แฟลชกล้องหน้าเลือกได้ไว้จะเปิดค้างไว้เวลาถ่ายภาพ หรือจะให้ทำงานเป็นแฟลชปกติ
ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส แยกออกจากหน้าจอแสดงผล ทำให้เราได้พื้นที่แสดงผลเต็มๆ ไม่ต้องมีปุ่มมากวนใจ
ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องสำหรับต่อ micro USB 2.0 และไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ด้านบนของตัวเครื่องมีรูไมโครโฟนตัวที่ 2 และปุ่ม Power
ฝาหลังเป็นพลาสติกผิวมันมีความสาก/ด้านเล็กน้อย เวลาใช้งานแนะนำให้ใส่เคส เพราะแบบนี้เกิดรอยง่าย เรื่องงานประกอบแข็งแรงตามแบบฉบับของ Asus ปุ่มเพิ่มและลดเสียงจะอยู่ด้านหลังเหมือนกับ Zenfone 2 ด้านล่างเป็นลำโพงของตัวเครื่อง
กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชคู่ และ Laser Auto focus ช่วยให้การโฟกัสของภาพทำได้เร็วเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น รูรับแสงกว้าง f/2.0, โฟกัสระยะใกล้สุดได้ถึง 6 ซม., มีโหมดถ่ายภาพแบบโปร ปรับได้ 13 แบบ, ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างกว่าเดิม 4 เท่า, มีฟังก์ชั่น Super HDR แก้ไขสมดุลแสงดีขึ้น 400%
รุ่นนี้สามารถแกะฝาหลังได้ แบตเตอรี่ให้มา 3000 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซิมการ์ดใช้แบบ micro SIM ทั้งสองช่อง ซิมหนึ่งและ microSD เวลาจะเปลี่ยนต้องถอดแบตออกก่อน
ซอทฟ์แวร์บน ZenFone Selfie
ZenFone Selfie รัน Android 5.0.2 Lollipop อินเตอร์เฟส Asus ZenUI เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ปรับปรุงให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับตัวเอง หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32GB เหลือให้ใช้งานราวๆ 25GB ตัวอินเตอร์เฟสเองสามารถดาวน์โหลดธีมได้จากระบบของ Asus ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายธีม นอกจากนั้นทาง Asus ยังพัฒนาเครื่องมือสำหรับคนที่ต้องการย้ายข้อมูลจากเครื่องเดิมมาที่เครื่องใหม่
อินเตอร์เฟสเน้นความเรียบตามแบบฉบับของ Asus ไม่ได้เติมแต่งเยอะ เพราะต้องการให้อินเตอร์เฟสทำงานได้เบาที่สุด เวลาใช้งานจะได้ไม่หน่วง จากที่ใช้งานพบว่าตอบสนองได้ลื่นไหล ไม่เจออาการหน่วงหรือกระตุกให้เห็นเลย
อินเตอร์เฟสของ Asus จะออกแบบให้มีความเรียบง่าย ยกตัวอย่างหน้าแจ้งเตือนเมื่อเราลากนิ้วลงมาจะแสดงหน้าแจ้งเตือนต่างๆ หากลากลงมาอีกทีจะเป็นหน้า Quick Settings สำหรับเปิดและปิดฟังก์ชั่นต่างๆ ของเครื่อง ในหน้าโฮมเองก็ออกแบบมาให้เรียกใช้งานง่าย เพียงแค่กดค้างที่บริเวณหน้าจอโฮมสกรีน จะปรากฏเมนูปรับแต่งหน้าโฮมขึ้นมาทันที
ในส่วนของการใช้งานสองซิมจะแยกปุ่มโทรออก จะโทรซิมหนึ่งก็เลือกอันแรก จะโทรซิมสองก็เลือกอันสอง ง่ายและสะดวกดี
หน้ารวมแอพพลิเคชั่นสามารถปรับแต่งให้แสดงได้สองแบบหลักๆ คือแสดงเป็นโฟล์เดอร์ หรือแสดงเป็นรายแอพ
ตัวเครื่องรองรับการอ่านและพิมพ์ภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ มีระบบเมนูภาษาไทยมาให้ และสามารถเปลี่ยนกลับไปใช้เมนูภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ ได้ตามต้องการ สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน Play Store มีฟังก์ชัน Wi-Fi hotspot สำหรับการแชร์อินเทอร์เน็ตผ่านทางสัญญาณ Wi-Fi และแชร์อินเตอร์ผ่านทาง USB (USB tethering)
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ใช้งาน 3G คลื่น 850/900/2100 MHz ได้ทั้งสองซิมแต่เปิดใช้งานได้ทีละซิม สามารถสลับเปลี่ยนการใช้งานได้จากเมนูตั้งค่าของเครื่อง และยังสามารถใช้งาน 4G LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 20(800) ได้อีกด้วย
ZenFone Selfie สามารถปรับแต่งอุณหภูมิของสีหน้าจอได้เอง มีตัวเลือกที่ทาง Asus กำหนดมาให้ 3 ตัวเลือก และสามารถกำหนดสีได้เองตามความชอบได้อย่างหลากหลาย
ZenMotion มีอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือ Touch Gesture คือการสั่งงานด้วยการเขียนสัญญาลักษณ์บนหน้าจอเป้นตัวอักษรต่างๆ และ Motion Gesture คือการสั่งงานด้วยวิธีต่างๆ โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ เช่น เมื่อหน้าจอเปิดอยู่เคาะหน้าจอสองครั้งแบบเร็วๆเพื่อล็อกหน้าจอ และเคาะสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอเมื่อหน้าจอปิดอยู่
มีโหมดใช้งานมือเดียวมาให้ ก่อนใช้งานต้องเปิดใช้งานก่อน ส่วนวิธีเรียกใช้งานคือกดที่ปุ่มโฮม 2 ครั้งติดๆ กัน หน้าจอจะย่อหลัง ทำให้ใช้งานมือเดียวสดวกขึ้น
ZenFone Selfie รองรับการทำงานร่วมกัน Flip Cover เช่นเดียวกับ Zenfone รุ่นอื่นๆ เราสามารถตั้งค่าได้ว่าเมื่อหน้าจอถูกปิดด้วย Flip Cover จะให้หน้าจอปิดทันทีแล้วล็อคหน้าจอ หรือไม่ต้องล็อค
ฟังก์ชั่นห้ามรบกวน หรือ Do not disturb เป็นนึงในฟังก์ชั่นที่ผมชอบมาก มีในมือถือและแท็บเล็ตหลายรุ่น ซึ่งผมเองก็มักจะตั้งค่าเปิดใช้งานฟังก์ชั่นนี้ การจัดการเกี่ยวกับการแจ้งเตือนต่างๆ เช่นเวลา 4 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า ห้ามแจ้งเตือน ปิดเสียงทุกอย่าง รวมถึงเมื่อมีสายเข้าด้วย เราสามารถกำหนดช่วงเวลาได้เอง
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล มีโหมดถ่ายภาพแยกย่อยมาให้เยอะแยะมากมาย ดูเกินความจำเป็น คงน้อยคนที่เปิดกล้องมาจะเลือกโหมดกล้องก่อนแล้วค่อยถ่าย ส่วนมากเปิดมาแล้วก็ถ่ายเลย ผมว่าตรงนี้ใส่มาให้เยอะไป ควรทำแบบซัมซุงใส่มาให้แต่พอดี ใครอยากได้เพิ่มก็โหลดมาติดตั้งเอง ในรุ่นนี้เองก็มีโหมดกล้องโปรมาให้สำหรับคนที่ต้องการภาพที่แตกต่างไปจากแบบที่ระบบให้มา
เวลากดถ่ายภาพ บางช่วงจะมีอาการหน่วงนิดหน่อย โดยเฉพาะเวลาเปิดแฟลช และเวลาถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าซัตเตอร์จะหน่วงเล็กน้อย
อย่างที่ทราบกล้องหน้าให้มา 13 ล้านพิกเซลฟอร์มแฟลชที่เลือกได้ไว้จะเปิดค้างไว้เวลาถ่ายภาพ หรือจะให้ทำงานเป็นแฟลชปกติ กล้องหน้ามีอินเตอร์เฟสที่แตกต่างไปจากกล้องหลัง โดยจะมีโหมดบิ้วตี้เพิ่มเข้ามา สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้เองตามต้องการ เช่าตา, ใบหน้า, ความเนียน, โทนสีของใบหน้า ซึ่งแต่ละแบบสามารถปรับได้ถึง 10 ระดับเลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริงเปิดให้ปรับได้เยอะ ก็กลายเป็นว่าเพิ่มความยุ่งยาก เพราะกว่าจะถ่ายได้ต้องปรับอยู่หลายที สลับไปมาหลายรอบ กินเวลาพอสมควร
ในแง่ประสิทธิภาพนั้นหายห่วง จากการใช้งาน หากไม่นับเรื่องกล้อง ส่วนอื่นๆ ก็ไม่เจออาการหน่วงให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ด้วยซีพียูรุ่น Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 ภายประกอบด้วย Quad-core Cortex-A53 & Quad-core Cortex-A53 ชิปกราฟฟิกเป็น Adreno 405 แรม 3GB LPDDR3 (ใช้ได้จริงๆ 2.7GB) สเปกนี้เพียงพอสำหรับดูหนังฟังเพลง เล่นเกมส์แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลปัญหากระตุกเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแอพที่เปิดค้างไว้ด้วย หากเปิดเยอะ ควรเคลียร์แอพให้หมดก่อน การจัดการแอพพลิเคชั่นที่จะให้เริ่มต้นทำงานอัตโนมัติก็มีส่วนสำหรับในการส่งผลต่อการทำงานของเครื่องโดยตรง หากเปิดไว้เยอะ เครื่องจะก็ช้าไปด้วย ฉะนั้นควรเปิดเพียงแค่แอพที่จำเป็นครับ
ตัวอย่างรูปจากกล้อง ZenFone Selfie
ภาพกล้องหน้าตอนเปิดแฟลช
ภาพกล้องหน้าตอนปิดแฟลช
ภาพตอนปิดแฟลช
ภาพตอนเปิดแฟลช
ภาพอื่นๆ