mobiledista.com

พรีวิวแรกสัมผัสสมาร์ทโฟนเรือธง Samsung Galaxy Note 5

Galaxy_Note5_0003

หลังจากที่ทีมงานได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ Galaxy Note 5 ให้ชมกันแบบจุใจ ทั้งข่าวเปิด, และตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy Note 5 รวมถึงเปรียบเทียบภาพถ่ายจากกล้อง Galaxy Note 5 VS Galaxy S6, Galaxy Note 5 VS iPhone 6 คราวนี้ถึงเวลาพรีวิวให้ชมกัน เชื่อว่าในขณะที่ผมกำลังเขียนพรีวิวอยู่ มีหลายท่านที่ตัดสินใจไปแล้ว และคงมีอีหหลายท่านที่ไปซื้อมาเรียบร้อย ซึ่ง Galaxy Note 5 เริ่มมีวางขายตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมเป็นต้นไป และจะมีวางขายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ (รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำหนดการวางขาย)

ข้อมูลสเปก Samsung Galaxy Note 5

Galaxy Note 5 รุ่นที่ขายในไทยจะมีทั้งความจุ 32GB และ 64GB ทั้งคู่เพิ่มหน่วยความจำไม่ได้ สำหรับผมแล้วรุ่น 32GB ก็เพียงพอแล้ว เพราะเป็นคนเก็บอะไรไม่เยอะอยู่แล้ว บางรุ่นที่ผมใช้ 16GB ก็ไม่เต็ม (ลงแค่แค่แอพกับเกมส์) สำหรับท่านที่ใช้เยอะก็สามารถต่อ USB OTG เอาได้ ถึงแม้ไม่สะดวก แต่ก็ดีกว่าไม่มี

อุปกรณ์ในกล่องที่แถมมามีคู่มือ, ใบรับประกันสินค้า, หูฟัง, สายชาร์จที่รองรับ fast charge, อะเดปเตอร์ ที่รองรับ fast charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 100% ได้ในเวลา 90 นาที นอกจากนั้นในกล่องยังมีเข็มจิ้มถาดซิม และหัว S Pen สำรอง 4 อัน พร้อมที่เปลี่ยน

Galaxy Note 5 มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว หน้าจอปกติไม่ได้โค้ง edge Screen แบบ Galaxy Note 4 Edge, Galaxy S6 edge แต่ไปดค้งด้านหลังแทน ตัวหน้าจอความละเอียด Quad HD 2560 x 1440 (518ppi) หน้าจอ Super AMOLED มีจุดเด่นเรื่องความสดใสของภาพ ความคมชัด และสีสันที่เหมือนจริง

ตัวหน้าจอ Galaxy Note 5 ขนาดจะเท่ากับ Galaxy Note 4 แต่เวลาสัมผัสได้รู้สึกได้ถึงขนาดที่เล็กลง เพราะตัวขอบหน้าจอที่บางลง และด้านตัวเครื่องด้านหลังจะโค้งรับกับมือ ทำให้จับได้กระชับขึ้น (แต่สำหรับผมยังคงชอบ Galaxy S6 มากกว่า เพราะมือเล็กจับมือถือจอใหญ่ลำบาก ใช้งานมือถือยาก)

กล้องหน้าให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f1.9 ช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย และมีโหมดหน้าเนียน สำหรับคนชอบเซลฟี่ สามารถปรับแต่งได้เอง 8 ระดับ เช่น ปรับคาง, ปรับตา และปรับระดับความเนียน ถ้าใครชอบถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า รุ่นนี้หายห่วงครับ กล้องหน้าพัฒนาใหม่ ไม่กากเหมือนเดิมแล้ว

ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสสองปุ่มเช่นเคย ส่วนปุ่มโฮมเป็นแบบกดและเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) ในตัว เป็นแบบเดียวกับใน Galaxy S6 ทำงานได้เร็วขึ้น ไม่ต้องรูด แค่แตะเบาๆ และรับได้หลายทิศทาง ใช้สำหรับระบุตัวตนก่อนเข้าใช้งาน รวมถึงระบุตัวตนสำหรับการจ่ายเงิน และใช้งานแอพพลิเคชั่นบางตัว

ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นโลหะเหมือนกับ Galaxy S6 มีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องต่อ micro USB2.0 ลำโพงตัวเครื่อง รูไมโครโฟนสำหรับสนทนาและปากกา S Pen

Galaxy Note 5 ออกแบบปากกก S Pen ใหม่ให้ดึงออกมาใช้งานไดด้ง่ายขึ้น โดยส่วนหัวของปากกาจะสามารถกดได้ เมื่อกดแล้วส่วนหัวจะเด้งออกมาเพื่อให้เราสามารถดึง S Pen ออกมาง่ายขึ้น กดอีกทีปากกาก็จะกลับเข้าที่เดิม วิธีนี้ทำให้ S Pen เกือบจะเรียบเป็นส่วนเดียวกันกับตัวเครื่อง ต้องการใช้งานก็เพียงแค่กดเท่านั้น หลักการทำวานก็เหมือนกับปากกาแบบกดที่เราเคยใช้กันนี่แหละครับ

S Pen ใน Galaxy Note 5 ทำงานได้เร็วขึ้นกว่า S Pen บน Galaxy Note 4 จากเดิม 90ms ทำงานเร็วขึ้นเป็น 74ms (ค่ายิ่งน้อย ยิ่งทำงานเร็ว) พวงด้วยฟีเจอร์ Air Command แบบใหม่ ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งให้ตรงตามการใช้งานของตัวเอง สามารถเลือกแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อยมาไว้ใน  Air Command ได้ 2 ตัว และเพิ่มฟีเจอร์การจดบันทึกแบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ (Screen off Memo)

ใน Galaxy Note 4 ช่องใส่ซิมย้ายมาอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง เวลาใช้เปลี่ยนซิมต้องใช้เข็มจิ้ม ซึ่งมีแถมมาในกล่อง หากไม่มีสามารถใช้คลิปหนีบกระดาษแบบเล็กแทนได้ รองรับซิมแบบ nano SIM ใช้งานได้ซิมเดียว และไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่สอง

ตัวเครื่องหนา 7.6 มม. และ น้ำหนัก 171 กรัม ด้านข้างทำด้วยโลหะชินเดียวขัดขอบไม่ให้มีเหลี่ยม ช่วยให้จับกระชับมือ ปุ่มกดเองก็ดูหรู ไม่มีก็อกแก๊ก ด้านซ้ายมีปุ่มเพิ่มและลดเสียง

ด้านขวามีปุ่มสำหรับเปิดและปิดเครื่อง

Galaxy Note 5 วัสดุตัวเครื่องทำจากโลหะและกระจกแบบเดียวกับที่ใช้ใน Galaxy S6, Galaxy S6 edge โดย Galaxy Note 5 ด้านหลังจะโค้งทั้งสองด้าน ช่วยให้จับถัดมือยิ่งขึ้น มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f1.9 มีระบบกันสั่น OIS ถ่ายในที่แสงน้อยดีขึ้น และโฟกัสไวขึ้น

ฝาหลังเป็นกระจกโค้งหักทั้งสองข้าง ข้อดีคือดูสวยงาม หรู เกิดรอยยาก แต่ข้อเสียคือเกิดคราบรอยนิ้วมือง่ายมาก ทั้งคราบเหงื่อ คราบน้ำ เกิดขึ้นง่ายมาก

Galaxy Note 5 รองรับ Fast Charge ผ่านดะเดปเตอร์ที่แถมมาในกล่อง หาก Galaxy Note 5 แบตหมดเกลี้ยงเหลือ 0% สามารถชาร์จจนเต็ม 100% ใช้เวลาเพียงแค่ 90 นาที นอกจากนั้นยังรองรับ Wireless Charging ที่รองรับ Fast Charge ใช้งานได้ทั้ง WPC และ PMA ชาร์จเร็วกว่าเดิม เต็มในเวลาแค่ 120 นาที

แกลอรี่ Galaxy Note 5

Exit mobile version