พูดถึงไลน์ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงในเวลานี้ แฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์เราคงรู้จักกับ Galaxy Note 3 และ Galaxy Gear กันไปบ้างแล้ว แต่ถ้าให้บอกว่า ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงนั้นถูกเปิดตัวออกมาครบหรือยัง คงต้องว่า ยังเหลืออีก 1 ตัวซึ่งนั่นก็คือ Galaxy Note 10.1 2014 Edition
ประจวบเหมาะพอดีกับที่เว็บไซต์ Mobiledista ได้รับเชิญให้ร่วมมาสัมผัสครั้แรกกับ Galaxy Note 10.1 2014 ในวันนี้ (17 ตุลาคม) ดังนั้นแล้วก่อนที่จะพบกับการพรีวิวแท็บเล็ตพร้อมปากการุ่นนี้ ผมอยากขออนุญาตเรียนเชิญให้คุณผู้อ่านได้มาทำความรู้จักกับ Galaxy Note 10.1 2014 Edition กันก่อนครับ
Model ?
โมเดลของ Galaxy Note 10.1 2014 Edition (จะเรียกสั้นๆ ว่า Galaxy Note 10.1) หากเทียบจาก Press ในต่างประเทศ รุ่นนี้จะมี 3 โมเดล มีแบบที่เป็น WiFi, 3G และ LTE ซึ่งขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่นั้น ยังไม่มีการยืนยันจากทางซัมซุงประเทศไทยว่า จะเอาโมเดลตัวไหนมาวางจำหน่าย แต่ถ้าคาดเดาถึงความเป็นไปได้ ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่น 3G ที่ใช้ชิปประมวลผล Exynos
ส่วนรุ่น WiFi กับ LTE จะมีมาวางจำหน่ายไหม คงต้องรอลุ้นกันในงานวันนี้
Spec:
- หน้าจอ 10.1 นิ้ว 2560 x 1600 พิกเซล
- มี S Pen
- มี 3 ขนาดความจุ 16/32/64 GB (คาดเดาว่าซัมซุงประเทศไทยจะเลือกรุ่น 32 GB หรือ 64GB )
- ชิปประมวลผล Exynos 1.9GHz Cortex-A15 & quad-core 1.3 GHz Cortex-A7
- RAM 3GB
- รองรับ MicroSD สูงสุด 64GB
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้ 1080p @30fps
- ระบบเสียง Dolby Mobile
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.3
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ ดำ/ขาว
- แบตเตอรี 8220 mAh
Design:
ด้านการดีไซน์ Galaxy Note 10.1 รุ่นนี้ แตกต่างจากรุ่นแรกอยู่บ้าง โดยเฉพาะหน้าด้านที่คราวนี้ซัมซุงเลือกที่จะใส่ปุ่ม Home เข้ามา พร้อมขนาบข้างด้วยปุ่ม Back และ Menu แบบ virtual เข้ามา และที่ต่างไปจากเดิมนั้น คงเป็นด้านหลังของเครื่องที่มีการยกพลาสติกแบบเดิมๆ ออกไป แต่สร้างความหรูหราขึ้นอีกนิดด้วยการแปะหนังเทียมเข้าไป
กล่าวคือ Galaxy Note 10.1 นี้ เป็นการดีไซน์แบบเดียว Galaxy Note 3 เพียงแต่ว่า ไซส์ของตัวเครื่องใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง และมีการแปรสภาพจากสมาร์ทโฟนสู่แท็บเล็ต
ส่วนความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง Galaxy Note 3 ฉบับสมาร์ทโฟน และ Galaxy Note 10.1 ฉบับแท็บเล็ต ก็คงเป็นเรื่องของฝาหลัง ที่ไม่สามารถแกะเปลี่ยนแบตเตอรีได้ ซึ่งก็ถือว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดแปลกแต่อย่างใด
Key Feature:
ในฐานะที่ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในระหว่างการรีวิว Galaxy Note 3 และ Galaxy Gear อยู่ พบว่า ปัญหาที่เจอเต็มๆ คือ เรื่องของการจดโน้ต หรือวาดภาพต่างๆ โอเคจริงอยู่ว่า Galaxy Note 3 หน้าจอจะใหญ่ยักษ์ก็จริง แต่ทว่าการใช้งานจริงการจดโน้ต หรือวาดภาพในบางครั้งบางครานั้นต้องการหน้าจอที่ใหญ่กว่านี้ จุดนี้อาจเป็นคำตอบของคนที่กำลังมีปัญหาแบบเดียวกันกับที่ผมได้กล่าวถึง
ด้านความบันเทิง โดยเฉพาะการรับชมภาพยนตร์ จุดนี้ผมไม่ค่อยเป็นห่วงนัก เพราะถ้าดูจากสเปกเครื่องแล้ว หน้าจอระบบ Full HD อรรถรสในการรับชมคงเต็มเปี่ยมไม่แพ้สมาร์ทโฟน หน้าจอที่ใหญ่กว่า ละเอียดกว่า
Magazine: ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร เรื่องของข่าวสารเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด ยิ่งในยุคที่ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นแล้วเรื่องของการอ่านข่าวผ่าน Feed ต่างๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งใน Galaxy Note 10.1 มีให้ (พัฒนาโดย Flipboard)
Air Command: อีกหนึ่งฟีตเจอร์เด็ดของ Galaxy Note 3 อย่าง Air Command ที่จะช่วยให้การใช้งาน S Pen ทำได้รวดเร็วขึ้น ด้วยการนำเสนอคำสั่งการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Action Memo, Scrap Booker, Screen Write, S Finder และ Pen Window
นอกเหนือจากนั้นแล้ว ยังมีฟีตเจอร์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาอย่าง Multi-Window สำหรับการใช้งาน 2 แอปพลิเคชันในหน้าจอเดียวกัน
Connect with Galaxy Gear ?
แน่นอนครับ อุตส่าห์อยู่ในงานเปิดตัวเดียวกันทั้งที Galaxy Note 10.1 ใช้งานร่วมกับ Galaxy Gear ได้ครับ แต่จะใช้งานกันในรูปแบบใดนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้แต่ละคนครับ
Battery อึดไหม ?
ถ้าวัดกันที่ตัวเลขเพียวๆ เลย แบตเตอรี Galaxy Note 10.1 ให้มา 8220 mAh ผมคาดเดาเอาเองว่า คงอึดพอสมควร แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ต้องขึ้นอยู้กับว่า เครื่องที่จะวางจำหน่ายจริงๆ นั้น มีแอปพลิเคชันใดที่แอบรัน process อยู่ด้านหลังบ้าง รวมถึงระบบการจัดการพลังงานทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน คำตอบนี้ผมจะให้ได้อีกครั้งเมื่อเราได้รุ่นนี้มารีวิวครับ
วางจำหน่ายและราคา ?
บอกตามตรงตอนนี้เลย คือ ไม่ทราบครับ เรายังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด คงต้องฟังอีกครั้งภายในงานที่ Mobiledista จะไปร่วมครับ แต่หากมีความคืบหน้า เราจะอัปเดทผ่านทาง แฟนเพจ Mobiledista หรือที่เว็บไซต์แห่งนี้ทันทีครับ