รีวิว Samsung Galaxy E5 - บางเฉียบ เรียบหรู

ทีมงานมีโอกาสได้ลองสัมผัส Samsung Galaxy E5 เลยจะมารีวิวให้ชมกันในบทความนี้ครับ หลายๆ ท่านน่าจะทราบอยู่แล้วว่ารุ่นนี้ได้วางขายในไทยไปแล้ว ราคาค่าตัวอยู่ที่ 8,900 บาท ซึ่งเป็นราคาเปิดตัว เดิมทีซัมซุงประเทศไทยประกาศราคา Galaxy E5 อยู่ที่ 9,500 บาท ตอนหลังปรับลง 600 บาท เหลือ 8,900 บาท อย่างที่เราเห็นวางขายกัน

Galaxy E5 แม้จะเป็นมือถือราคาต่ำกว่าหมื่น แต่เรื่องดีไซน์ถือว่าทำมาดีครับ นับตั้งแต่ Galaxy Alpha ออกมา จะเห็นว่าหลายๆ รุ่นหลังจากนั้นดีไซน์จะไปในทิศทางเดียวกัน บางรุ่นหันไปใช้โลหะแทนพลาสติกแล้ว ยกตัวอย่างเช่น Galaxy A5 และ Galaxy A7 มือถือสองรุ่นที่เปิดตัวหลัง Galaxy Alpha ดีไซน์และวัสดุจะคล้ายคลุงกับรุ่นพี่

โดยตระกูล Galaxy E จะมีด้วยกันสองรุ่น คือ Galaxy E7 และรุ่นนี้ Galaxy E5 สำหรับตระกูล Galaxy E แม้วัสดุจะเป็นพลาสติก แต่ดีไซน์ยังคงเหมือนกับตระกูล Galaxy A มีความเรียบหรู ทำสีตัวเครื่องให้ดูเหมือนโลหะ เน้นจุดขายเรื่องกล้องหน้า กับสเปกที่แรง

สเปกของ Samsung Galaxy E5

หน้าจอ : Super AMOLED, 5.0 นิ้ว, HD (1280 x 720 พิกเซล) 16:9
ซีพียู : Quad-core 1.2 GHz
แรม : 1.5GB
ระบบปฏิบัติการ : Android 4.4.4 (KitKat)
กล้อง : หน้า 5 ล้านพิกเซล, 1080p@30fps / หลัง 8 ล้านพิกเซล
หน่วยความจำภายใน : 16 GB
แบตเตอรี่ : Li-Ion 2400 mAh

รายละเอียดสเปกเพิ่มเติม

[section label=”Display”]

หน้าจอและการแสดงผล

Galaxy E5 มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ระบบสัมผัสแบบ Capacitive Touchscreen แสดงผลได้ 16,700,000 สี ความละเอียด 1280×720 พิกเซล ขนาด 5 นิ้ว ตัวหน้าจอ Super AMOLED มีจุดเด่นเรื่องสีสันที่สดใจ อีกทั้งรุ่นหลังยังพัฒนามาให้ประหยัดพลังงานขึ้นอีกด้วย ในรุ่นนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์สำหรับใช้งานกลางแจ้งมาให้ ทำให้สามารถมองหน้าจอคมชัด แม้จะอยู่ในที่กลางแจ้ง

เรื่องสีสันของภาพ แน่นอนว่า จอแบบ Super AMOLED ให้สีสันที่สดกว่าหน้าจอชนิดอื่น บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ เพราะสีสันสดเกินจริง ตรงนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเองครับ ยกตัวอย่างผมเอง ก็มีเหตุผลทั้งชอบและไม่ชอบหน้าจอ Super AMOLED ถ้าเล่นเกม ดูหนัง บนหน้าจอ Super AMOLED จะให้อรรถรสดีกว่าหน้าจอชนิดอื่น นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ผมชอบหน้าจอชนิดนี้ ส่วนเหตุผลที่ไม่ชอบ Super AMOLED เพราะผมเองไม่เป้นที่เล่นเกมมือถือน้อยมาก ส่วนมากจะเล่น Social Network และใช้งานธรรมดาทั่วไป ทำให้รู้สึกว่าจอ Super AMOLED มันสีสดเกินไป บางทีก็ปวดตา

Galaxy E5 เน้นจุดเด่นเรื่องกล้องหน้าความละเอีงานด้วยเสียง หรือเซลฟี่ด้วยฝ่ามือ (Palm selfie) นอกจากนั้นยังมีโหมด Wide Selfie ช่วยให้เก็บภาพมุมกว้างจากกล้องหน้า หรือใช้โหมดบิวตี้ปรับภาพใบหน้าของเราให้ตาโต หน้าเรียว และผิวเนียนขึ้นได้ด้วย

หน้าตาแอพถ่ายภาพบน Galaxy E5

ด้านล่างของหน้าจอมาพร้อมกับปุ่มมาตรฐานตามแบบฉบับของซัมซุง 3 ปุ่ม

ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องต่อ micro USB และช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. รูไมโครโฟนสำหรับสนทนา

ด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

ปุ่มเพิ่มลดเสียง ขอบด้านข้างของเครื่องจะขึ้นลายและลงสีให้ดูคล้ายโลหะ ตัวเครื่องมีความบางแค่ 7.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 120 กรัม เป็นมือถือหน้าจอ 5 นิ้วที่มีน้ำหนักพอพอสมควร

ปุ่มปิดและเปิดเครื่อง ขอบด้านข้างของตัวเครื่องนอกจากจะขึ้นลายให้ดูเหมือนโลหะแล้ว ยังขึ้นรูปโดยใช้พลาสิกชิ้นเดียว (Polycarbonate Unibody) ไม่ได้ประกอบจากพลาสติกหลายชิ้นแบบเดิมแล้ว ทำให้ดูทนทานขึ้น

รุ่นนี้รองรับ 2 ซิม และรองรับซิมแบบ nanoSIM ทั้งสองช่อง ความน่าสนใจคือ ช่องที่สองสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ nanoSIM หรือจะใส่ microSD เพื่อเพิ่มหน่วยความจำ

ยอมรับว่าตั้งแต่ Galaxy Alpha, Galaxy A Series, Galaxy E Series งานดีไซน์ดีขึ้น วัสดุให้ความรู้สึกดีกว่าแต่ก่อนเยอะ อย่าง Galaxy E5 แม้เป็นตัวเครื่องจะเป็นพลาสติก แต่หลังจากได้ลองจับกลับดูรู้สึกว่าดีกว่าตัวเดิมๆ ที่ผ่านมาฝาหลังเป็นประเด็นที่ถูกวิจารณืมาโดยตลอด หลายรุ่นฝาดูเหมือนพลาสติกเกรดไม่สวย บางรุ่นพยายามทำให้ดูเหมือนหนัง แต่กลับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม แต่ในรุ่นนี้ทำลายความรู้สึกเหล่านั้นไปเรียบร้อย ขอชื่นชมความเปลี่ยนแปลงนี้

สำหรับ Galaxy E5 จะไม่สามารถแกะฝาหลังได้แล้วนะครับ ตัวเครื่องหลังรุ่นนี้ให้มา 8 ล้านพิกเซล ตัวกล้องนูนออกมาเล็กน้อย ด้านซ้ายเป็นไฟแฟลช ด้านขาวเป็นลำโพงของตัวเครื่อง

[section label=”Software”]

ซอฟท์แวร์

สำหรับ Galaxy E5 จะมาพร้อมกับปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat พร้อมอินเทอร์เฟซ TouchWiz อนาคตจะได้อัพเกรดเป็น Android 5 Lollipop หรือเปล่า ตรงนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าแทบไม่มีโอกาสครับ ที่ผ่านมาตั้งแต่รุ่นหมื่นต้นๆ ลงมายากมากที่จะได้อัพเกรดเป้น Android เวอร์ชั่นใหม่ เว้นแต่รุ่นนั้นขายดีจริงๆ

อินเตอร์เฟส TouchWiz เวอร์ชั่นใหม่ๆ ถูกออกแบบใหม่ เพิ่มสันสีให้น่าใช้งานขึ้น ยกตัวอย่างเมนูตั้งค่า ก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงผลแบบไหน การใช้งานก็ไม่กระตุกแล้ว ไม่ใส่ฟังก์ชั่นมาเยอะเกินความจำเป็นแล้ว แอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งมกับเครื่องมีแค่ไม่กี่ตัว ถ้าอยากได้ติดตั้งผ่าน Samsung Apps ได้เลย ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีครับ ยังมีจุดให้ตินิดหน่อย เช่นไม่มีฟังกืชั่นปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ, หน้า quick setting ยังรกเหมือนเดิม (นี่ลดลงแล้วนะ)